จุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัส และไบไฟโดแบคทีเรียที่อยู่ในโยเกิร์ตและผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ เป็นที่รู้จักกันในวงการอาหารเพื่อ สุขภาพว่าเป็น “โปรไบโอติกส์” หรือ เป็นจุลินทรีย์ที่เป็นมิตร ซึ่งช่วยในการสร้างเอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร
ในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีการประเมินคุณภาพด้วยวิธีการพิจารณาสัดส่วนเซลล์ที่มีประสิทธิภาพหรือการวัดคุณสมบัติของ เซลล์ที่เรียกว่าเทคนิคโฟลว์ไซโตเมทรี (Flow cytometry) ซึ่งผู้ปฏิบัติงานอาจจะยังไม่มั่นใจเท่าใดนัก แต่ความคลางแคลงใจนี้จะหมดไปด้วยการนำมาตรฐานใหม่ของไอเอสโอมาใช้โดยมาตรฐานนี้จะช่วยทวนสอบความถูกต้องของวิธีการดังกล่าว อีกทั้งยังช่วยเร่งการควบคุมคุณภาพจุลินทรีย์ให้รวดเร็วขึ้น และช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าด้วย
ISO 19344: 2015 Milk and milk products — Starter cultures, probiotics and fermented products — Quantification of lactic acid bacteria by flow cytometry เป็นมาตรฐานที่ไอเอสโอได้ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้
มาตรฐานนี้ได้ให้แนวทางวิธีการสำหรับการหาจำนวนของจุลินทรีย์ที่ผลิตกรดแล็คติกโดยการใช้เทคนิคโฟลว์ไซโตเมทรีใน ผลิตภัณฑ์ที่มีการหมัก ผลิตภัณฑ์ที่มีต้นเชื้อจุลินทรีย์ (Starter cultures) และโปรไบโอติกส์ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์นมต่างๆ ผลงานการจัดทำมาตรฐานนี้มาจากความร่วมมือกันระหว่างไอเอสโอและสหพันธ์ผลิตภัณฑ์นมระหว่างประเทศ (International Dairy Federation: IDF)
การหาจำนวนของจุลินทรีย์ที่ผลิตกรดแล็คติกในห้องปฏิบัติการทดสอบ มีความสำคัญในการประเมินคุณภาพของต้น เชื้อจุลินทรีย์ โปรไบโอติกส์ และผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยว การตรวจสอบห้องปฏิบัติการทดสอบในผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถ ทำได้ด้วยวิธีที่แตกต่างกัน เช่น เทคนิควิธีการตรวจนับจุลินทรีย์ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุดมานานแล้ว เทคนิคใหม่ๆ รวมทั้งเทคนิคโฟลว์ไซโตเมทรี ซึ่งสามารถกำหนดสัดส่วนของเซลล์ที่ยังทำงานอยู่และเซลล์ทั้งหมด
ดร.ซานดร้า คาซานี่ ผู้นำโครงการของ IDF/ISO กล่าวว่าความได้เปรียบของเทคนิคโฟลว์ไซโตเมทรีนั้นครอบคลุมเรื่อง ความแปรปรวนต่ำ การลดเวลาในการทดสอบ ความแตกต่างระหว่างเซลล์ที่ยังทำงานอยู่กับเซลล์ทั้งหมดและความเป็นไปได้ของการวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยี high-throughput นอกจากนี้ ปริมาณของการแตกตัวของเซลล์ที่ยังทำงานอยู่ ต่อเซลล์ทั้งหมดก็เป็นลักษณะสำคัญของเทคนิคโฟลว์ไซโตเมทรี ซึ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นพิเศษในการนำไปใช้ เช่น การหาเงื่อนไขที่หมาะสมที่สุดในกระบวนการผลิตและการประเมินความเสถียรของการประเมินอายุการเก็บของอาหาร เป็นต้น
โครงการดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือกันของผู้ผลิตและผู้ใช้ห้องปฏิบัติการทดสอบรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ใช้เทคนิคโฟลว์ไซโตเมทรีซึ่งอยู่ในภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษา ซึ่งสะท้อนถึงที่มาอันได้แก่ ความต้องการของผู้ใช้งานมาตรฐานดังกล่าว การสนับสนุนและการยอมรับของภาคอุตสาหกรรม
ประธานของคณะกรรมการวิชาการไอเอสโอในเรื่องนมและผลิตภัณฑ์นม (ISO/TC 34/SC 5) และประธานของกลุ่มคณะกรรมการอำนวยการด้านมาตรฐานวิธีของ IDF ต่างกล่าวว่า มาตรฐานที่ทำร่วมกันนี้มีความสำคัญที่ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการทำงานซ้ำซ้อนและทำให้ทั่วโลกมีความมั่นใจในกระบวนการการวิเคราะห์และการสุ่มตัวอย่างผลิตภัณฑ์นมและนม และยังช่วยดูแลในเรื่องความเท่าเทียมกันของผลทดสอบในขณะที่ยังช่วยในเรื่องความพยายามในการทวนสอบของผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้อง ความร่วมมือในลักษณะนี้ของ IDF และ ISO จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้งานนี้ประสบความสำเร็จ
ISO 19344 (IDF 232) เป็นมาตรฐานความร่วมมือระหว่างประเทศที่ได้ทำขึ้นเพื่อกำหนดวิธีการที่เป็นมาตรฐานในการหาจำนวนจุลินทรีย์ที่ผลิตกรดแล็คติกทั้งหมด จุลินทรีย์ที่ยังมีประสิทธิภาพ และโปรไบโอติกส์ที่ใช้เป็นต้นเชื้อจุลินทรีย์ด้วยเทคนิคโฟลว์ไซโตเมทรีซึ่งใช้ในผลิตภัณฑ์นมและผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยว เช่น โยเกิร์ตซึ่งมีจุลินทรีย์ที่ผลิตกรดแล็คติกเป็นส่วนประกอบสำคัญ เป็นต้น
มาตรฐานนี้จึงทำให้สามารถทวนสอบความเหมาะสมของวิธีการกับวัตถุประสงค์การใช้งาน และท่านสามารถศึกษาข้อมูลของมาตรฐานนี้ได้จากห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือจากเว็บไซต์ของไอเอสโอ (https://www.iso.org/obp/ui/#iso:std:iso:19344:ed-1:v1:en )
ที่มา: http://www.iso.org/iso/home/news_index/news_archive/news.htm?refid=Ref2045
Related posts
Tags: Standardization
Recent Comments