ย่าฆ่าแมลงเป็นสารเคมีที่ใช้ในเกษตรกรรมเพื่อปกป้องพืชผลไม่ให้แมลง เชื้อรา หรือวัชพืชมาทำอันตราย ในด้านเกษตรกรรม มีการนำยาฆ่าแมลงมาใช้ด้านการสาธารณสุขเพื่อควบคุมแมลงหรือสัตว์ที่เป็นพาหะของโรค เช่น ยุง อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่ายาฆ่าแมลงก็เป็นพิษต่อมนุษย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง หรือมีผลต่อระบบประสาทหรือภูมิคุ้มกัน ดังนั้น ก่อนที่จะมีการใช้ยาฆ่าแมลง ผู้เชี่ยวชาญควรทดสอบความเป็นไปได้ของผลกระทบต่อสุขภาพและวิเคราะห์ผลของความเสี่ยงต่อมนุษย์ก่อนที่จะใช้งาน
ความแตกต่างระหว่าง “อันตราย” และ “ความเสี่ยง”
การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของผลกระทบสารเคมีอันตรายอย่างยาฆ่าแมลงที่อาจเกิดขึ้นและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ พบว่าจะทำให้เกิดสารคาซิโนเจนที่อาจก่อมะเร็ง สารที่เป็นพิษต่อระบบประสาท สารเทอราโทเจนที่สามารถทำให้ทารกในครรภ์มารดามีความผิดปกติหรือพิการ กระบวนการนี้เรียกว่า การระบุอันตราย หรือ hazard identification ซึ่งเป็นก้าวแรกของการประเมินความเสี่ยง ตัวอย่างของการระบุอันตรายคือการจำแนกสารก่อมะเร็งที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ที่ทำโดยหน่วยงานวิจัยขององค์การอนามัยโลกที่มีชื่อว่า International Agency for Research on Cancer (IARC)
สารเคมีชนิดเดียวกันอาจมีผลกระทบแตกต่างกันในระดับความเข้มข้นของสารที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณการรับสารเคมีที่เข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับระบบที่รับเข้าสู่ร่างกายด้วย เช่น ระบบการย่อย ระบบการหายใจ เป็นต้น
ทำไมองค์กรอนามัยโลกจึงมีกระบวนการระบุอันตรายและการประเมินความเสี่ยง
การระบุอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจำแนกสารของ IARC ในแง่ของสารก่อมะเร็งนับเป็นก้าวแรกของกระบวนการการประเมินความเสี่ยง
การจำแนกสารอย่างเช่นอันตรายของสารก่อมะเร็งเป็นการระบุความสำคัญของระดับการเปิดรับ เช่น ในแง่ของอาชีพ สิ่งแวดล้อม อาหาร เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งมากขึ้น
การประเมินความเสี่ยงสำหรับสารตกค้างของยาฆ่าแมลงในอาหาร ซึ่งทำโดยการประชุมร่วมของ FAO/WHO ในเรื่องสารตกค้างที่เป็นยาฆ่าแมลง (JMPR) ซึ่งได้มีการกำหนดระดับการเปิดรับที่ปลอดภัยหลังจากประเมินระดับความเสี่ยง
ปริมาณของวัตถุเจือปนอาหารในระดับที่ยอมรับได้ต่อวัน (Acceptable daily intakes: ADIs) ที่รัฐบาลหรือหน่วยงานด้านความเสี่ยงระหว่างประเทศนำไปใช้งาน เช่น Codex Alimentarius Commission ก็มีการจัดทำระดับสารตกค้างสูงสุด (maximum residue limits: MRLs) สำหรับยาฆ่าแมลงในอาหาร
MRLs มีการบังคับใช้โดยหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ระดับประเทศเพื่อให้มั่นใจว่าจำนวนของสารตกค้างต่อผู้บริโภคที่มีการรับเข้าสู่ร่างกายจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค
การระบุอันตรายของ IARC สามารถแจ้งการประเมินความเสี่ยงของ JMPR และกระบวนการทั้งสองเพื่อเสริมกันได้ ตัวอย่างเช่น IARC อาจระบุหลักฐานใหม่จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสารก่อมะเร็งเมื่อมีความจำเป็น
ทั้งนี้ JMPR มีการประเมินหรือประเมินซ้ำถึงความปลอดภัยของสารเคมีที่ใช้ในทางเกษตรกรรมและที่เกิดขึ้นในอาหารด้วย
สำหรับประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้จัดทำแนวทางการใช้วัตถุเจือปนอาหารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2556 เพื่อให้นำไปใช้งานได้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีการกำกับดูแลกรณีสารตกค้างในอาหารและการเฝ้าระวังความปลอดภัยผักและผลไม้ด้วย
ที่มา: 1. http://www.who.int/features/qa/87/en/
2. http://food.fda.moph.go.th/data/news/2556/560902/Update%20Food%20Additives.pdf
3. http://www.thaipan.org/sites/default/files/conference2557/conference2557_20_2_2557_napaporn.pdf
Related posts
Tags: Dangerous, Harzadous, Pesticider, standard, Standardization, WHO, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ความเห็นล่าสุด