เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2559 สภาประชาชนแห่งชาติจีนได้ให้สัตยาบันต่อข้อตกลงภูมิอากาศปารีสอันเป็นผลให้ข้อตกลงในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกมีผลบังคับใช้ได้ภายในปี 2559
ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่มีโครงการติดตั้งกังหันลมที่ใหญ่ที่สุดของโลก นับเป็นสองเท่าของประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศ จีนเป็นประเทศที่มีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในแต่ละปีและความต้องการเหล่านั้นก็สามารถตอบสนอง ได้ด้วยพลังงานจากลม
อย่างไรก็ตาม องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IES) ได้เตือนประเทศจีน ว่ามีการสร้างพลังงานที่มาจากถ่านหินซึ่งทำให้ต้องปิดตัวโรงงานกังหันลมไปราว 15%
ปัญหาก็คือสถานีพลังงานถ่านหินจะเปิดโอกาสให้มีการเข้าถึงเครือข่ายการจ่ายไฟก่อนเป็นลำดับแรก สำนักข่าวบีบีซีนำเสนอข่าวนี้โดยกล่าวถึงอีกด้านหนึ่งของประเทศจีนว่าเมื่อปีที่แล้วและช่วงครึ่งแรกของปีนี้ (2559) มีการบันทึกสถิติใหม่ของการติดตั้งเพื่อผลิตพลังงานถ่านหิน โดยที่ประเทศจีนมีพลังงานเกินกว่าความต้องการอย่างเห็นได้ชัด เช่นในจังหวัดกานซู 39% ของแหล่งพลังงานลมต้องปิดตัวลงเพราะเครือข่ายการจ่ายไฟไม่มีสมรรถนะเพียงพอ ในยุโรปก็เช่นเดียวกัน ฟาร์มกังหันลมถูกปิดตัวลงโดยเฉลี่ย ปีละ 1-2%
IEA กล่าวว่าประเทศจีนได้ติดตั้งพลังงานลมขึ้นใหม่เมื่อปี 2558 มากกว่า 30,000 เมกะวัตต์ ซึ่งต้องขอบคุณรัฐบาลจีนที่ได้ผลักดันเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
สตีฟ ซอเยอร์ จากสภาพลังงานลมของโลก (Global Wind Energy) ได้กล่าวว่าการสร้างความสามารถของพลังงานลมและพลังงานแสงแดดของประเทศจีนกำลังเกิดขึ้นแต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นแบบคู่ขนาน ดังนั้น พลังงานทดแทนจึงไม่ก้าวหน้าในอัตราเดียวกันซึ่งสถานการณ์นี้ ประเทศจีนจำเป็นต้องเร่งปฏิรูปตลาดของไฟฟ้า
รัฐบาลได้ประมาณการการเพิ่มขึ้นของความต้องการไฟฟ้าไว้เกินกว่าความเป็นจริงซึ่งมีการเติบโตเพียง 0.5% ในขณะที่การเติบโตของประเทศจีนนั้นช้าและอุตสาหกรรมที่ไม่สะอาดก็ปิดตัวลงหรือประสิทธิผลด้านพลังงานมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น ดังนั้น ความต้องการพลังงานที่ลดลงและมีพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ประเทศจีนมั่นใจมากในการให้สัตยาบันต่อข้อตกลงภูมิอากาศปารีสเมื่อต้นเดือนกันยายน 2559
โฆษกของรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนได้กล่าวว่าประเทศจีนได้มีความพยายามอย่างมากในด้านการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืน
ส่วนผู้แทนองค์กรกรีนพีซของจีนกล่าวว่าประเทศจีนมีพลังงานถ่านหินเหลือเฟือ กล่าวคือ มีการสร้างพลังงานจากถ่านหินมากกว่าที่ประเทศต้องการ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ก็ยังมีการสร้างสถานีพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งสถานี ซึ่งนับว่าเป็นช่วงปรับเปลี่ยนไปสู่การใช้พลังงานสะอาด บริษัทต่างๆ ก็รู้สึกกังวลเพราะไม่สามารถดำเนินการสร้างสถานีพลังงานได้มากเท่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม ยังมีของเสียที่เหลือเป็นจำนวนมากจากแหล่งต่างๆ ที่อาจนำไปใช้สำหรับพลังงานสะอาดแทนได้
ตามที่กล่าวข้างต้นว่า สภาประชาชนแห่งชาติจีนได้ให้สัตยาบันต่อข้อตกลงภูมิอากาศปารีสซึ่งมีประเทศต่างๆ จำนวน 23 ประเทศได้ให้สัตยาบันต่อข้อตกลงดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้าจีน รวมถึงเกาหลีเหนือด้วย แต่ประเทศเหล่านั้นก็มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมกันเพียง 1.08% ของโลกตามข้อมูลจากอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่อันดับ 2 ก็เตรียมที่จะให้สัตยาบันเช่นกัน เพื่อให้ข้อตกลงปารีสมีผลบังคับภายในปีนี้
หวังว่าไม่เพียงแต่ประเทศจีนเท่านั้นที่กำลังเตรียมการเพื่อต่อสู้กับภาวะโลกร้อน แต่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจำเป็นต้องร่วมมือกันด้วย มิฉะนั้น โลกเราอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามข้อตกลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2259 นี้ เป็นปีที่องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization) กล่าวเตือนไว้ว่าจะเป็นปีที่อากาศร้อนที่สุด
ที่มา: 1. http://www.bbc.com/news/science-environment-37409069
2. http://www.worldwatch.org/node/6255
3. http://www.energysavingmedia.com/news/page.php?a=10&n=15&cno=8557
Related posts
Tags: Alternative Energy, Energy, energy management, wind power
Recent Comments