ฟอนเทียร่าเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์นมชั้นนำของโลกจากนิวซีแลนด์ภายใต้ยี่ห้อต่างๆ เช่น แอนลีน แองเคอร์ เพอร์เฟคอิตาเลียโน ทิปท็อป และอื่นๆ ซึ่งนับว่าเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของประเทศนิวซีแลนด์เลยทีเดียว เนื่องจากมีผู้ถือหุ้นเป็นชาวนาประมาณหนึ่งหมื่นคนและนับเป็นการส่งออกของประเทศถึง 25%
ฟอนเทียร่ายังเป็นบริษัทระดับโลกที่มีการจ้างงานถึง 22,000 คนซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากกว่า 100 ประเทศ
เป็นที่คาดว่าการบริโภคนมจะเพิ่มขึ้นทั่วโลกและจะมีตลาดเพิ่มขึ้นอีกในประเทศจีนซึ่งผลิตภัณฑ์นมในประเทศจีนนั้นจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นถึงสองเท่าในอีก 10 ปีข้างหน้า การรักษาไว้ซึ่งความสามารถในการดำเนินงานอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมโดยที่สังคมทำให้ความต้องการในระดับโลกพึงพอใจนั้น เป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมาก
วารสารไอเอสโอโฟกัสได้มีโอกาสสัมภาษณ์แคโรลิน มอร์ทแลนด์ ผู้อำนวยการด้านความรับผิดชอบทางสังคมของบริษัท ฟอนเทียร่า ถึงวิธีที่มาตรฐานได้ช่วยให้บริษัทจัดการกับธุรกิจในด้านความรับผิดชอบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรซึ่งได้ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกยังคงชื่นชอบผลิตภัณฑ์นมของบริษัทอยู่จนถึงทุกวันนี้
แคโรลิน มอร์ทแลนด์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเมื่อหลายปีก่อน ฟอนเทียร่าได้นำเอามาตรฐาน ISO 26000 ไปใช้ซึ่งได้ช่วยให้บริษัทรวมเอาความรับผิดชอบทางสังคมเข้าไปอยู่ในหน้าที่ขององค์กรและถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจที่ต้องดำเนินการทั่วโลก การพัฒนาระบบการผลิตด้านอาหารที่ยั่งยืนซึ่งช่วยปรับปรุงสุขภาพและความเป็นอยู่ของคนในชนบทและขณะเดียวกันก็ยังให้ความสำคัญกับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมนั้น เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากในการที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ SDGs (Sustainable Development Goals)
เกือบครึ่งหนึ่งของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศนิวซีแลนด์นั้นมาจากเกษตรกรรม ด้วยเหตุนี้เอง ฟอนเทียร่าจึงทำการวิเคราะห์วงจรชีวิตของคาร์บอนฟุตพริ้นท์รวมทั้งแหล่งที่ทำฟาร์มหลักๆ ในประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศจีน และออสเตรเลีย ซึ่งทำให้สหกรณ์ตรวจสอบแนวโน้มและเน้นไปที่การปรับปรุง ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งอำนวยความสะดวกในด้านกระบวนการผลิตภัณฑ์นมยังใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ฟอนเทียร่าจึงนำมาตรฐานระบบการจัดการพลังงาน ISO 50001 มาใช้เพื่อลดการบริโภคพลังงานด้วย
ดังนั้น บริษัทจึงมุ่งมั่นที่จะจำกัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและค้นหาหนทางที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดและปรับปรุงทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพที่ไซต์การผลิต รวมทั้งการประเมินทรัพยากรพลังงานหมุนเวียน อย่างเช่น พลังงานชีวมล พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานใต้พิภพ และพลังงานลมโดยมีเป้าหมายในการลดการพึ่งพิงเชื้อเพลิงฟอสซิล
แคโรลิน มอร์ทแลนด์กล่าวต่อไปว่า บริษัท ฟอนเทียร่ามีเป้าหมายในการลดการใช้พลังงานลง 20% ภายในปี 2563 (ค.ศ.2020) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับการทำผลิตภัณฑ์นมทั่วโลกและต่อสู้กับสภาพการเปลี่ยนแปลงทางอากาศ โดยกลยุทธ์ด้านพลังงานของบริษัทนั้นมีความสอดคล้องกับสภาพลังงานโลกที่เรียกกันว่าการตอบสนองต่อความท้าทายด้านพลังงาน 3 ด้าน (Energy Trilemma) ซึ่งให้ความสนใจกับความมั่นคงด้านพลังงาน การใช้จ่ายและความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม
โครงการประสิทธิภาพด้านพลังงานของฟอนเทียร่าซึ่งเป็นรูปเป็นร่างด้วยการนำมาตรฐาน ISO 50001 มาใช้นั้น มีเป้าหมายในการลดการบริโภคพลังงานต่อการผลิตต่อตัน ซึ่งสำหรับการผลิตภายในประเทศนิวซีแลนด์มีเป้าหมายที่จะลดลงให้ได้ 20% ภายในปี 2563 (ค.ศ.2020) ทั้งนี้ นับตั้งแต่บริษัทเริ่มทำการผลิตในปี 2546 (ค.ศ.2003) สามารถบรรลุเป้าหมายในการลดการบริโภคพลังงานลงได้มากกว่า 16% ซึ่งเท่ากับการประหยัดพลังงานในปี 2559 ซึ่งมีการใช้พลังงานเฉลี่ยต่อบ้านในประเทศนิวซีแลนด์จำนวน 190,000 หลังคาเรือนต่อปี ภายใต้โครงการต่างๆ เกือบ 900 โครงการนับตั้งแต่ปี 2546
ฟอนเทียร่ายังได้นำแนวทางการปฏิบัติงานที่ช่วยลดการใช้พลังงานและมาตรฐานอื่นๆ มาใช้ด้วย จะมีอะไรบ้างนั้น โปรดติดตามตอนต่อไปในตอนจบค่ะ
ที่มา: https://www.iso.org/news/Ref2186.htm
ความเห็นล่าสุด