บทความเรื่อง ผลิตภัณฑ์นม “ฟอนเทียร่า” มุ่งสู่ความยั่งยืน ตอนที่ 1 กล่าวถึงบริษัท ฟอนเทียร่าซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์นมชั้นนำของโลกจากนิวซีแลนด์ภายใต้ยี่ห้อต่างๆ ซึ่งได้มีการนำเอามาตรฐาน ISO 26000 และ ISO 50001ไปใช้ ส่งผลให้สามารถลดการบริโภคพลังงานลงได้เป็นจำนวนมาก สำหรับบทความ ตอนที่ 2 นี้ จะกล่าวถึงการนำมาตรฐานอื่นๆ มาใช้
จากข้อมูลของหน่วยงานอนุรักษ์พลังงานที่มีประสิทธิภาพแห่งชาติของนิวซีแลนด์ (National Energy Efficient and Conservation Authority: EECA) ระบุว่าไซต์การผลิตของฟอนเทียร่าในประเทศนิวซีแลนด์ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตผลิตภัณฑ์นมมากที่สุดก็คือ โรงงานอีเดนเดล กล่าวคือ นับตั้งแต่ปี 2546 ได้มีการลดการใช้พลังงานลง 48% ต่อตันต่อผลิตภัณฑ์ และในการขยายโรงงานเมื่อเร็วๆ นี้ ไซต์การผลิตใหม่ 4 แห่งได้สร้างขึ้นโดยไม่ต้องใช้ถ่านหิน ความสำเร็จของบริษัททำได้ด้วยการนำเอาโครงการฟื้นฟูพลังงานจำนวนมากไปใช้กับโรงงานที่มีอยู่และออกแบบสำหรับการติดตั้งใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูง
บริษัทยังได้ทำงานร่วมกับเครือข่ายกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามข้อกำหนดของมาตรฐาน ISO 50001 ปีที่แล้ว ยังมีการเพิ่มสัดส่วนของการขนส่งด้วยรางมากกว่า 10% เมื่อเปรียบเทียบปีที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่าปริมาณที่ขนส่งด้วยรางนั้นเท่ากับการขนส่งบนท้องถนนที่ใช้รถบรรทุกถึง 184,730 ครั้งซึ่งเทียบเท่าการเกิดคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 25,000 ตัน
วารสารไอเอสโอโฟกัสได้สอบถามแคโรลิน มอร์ทแลนด์ ผู้อำนวยการด้านความรับผิดชอบทางสังคมของบริษัท ฟอนเทียร่า ต่อไปว่าในฐานะที่ฟอนเทียร่าเป็นบริษัทระดับโลก จะมีการใช้มาตรฐาน ISO 26000 และ ISO 50001ไปใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อรักษาพันธสัญญาด้านความยั่งยืนไว้ได้อย่างไร
แคโรลิน มอร์ทแลนด์ กล่าวว่ากระบวนการประจำปีของบริษัทที่มีการพิจารณาถึงมุมมองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสมรรถนะการทำงานในปัจจุบันเพื่อวางแผนการปรับปรุงนั้น มาตรฐาน ISO 26000 มีความสำคัญและเป็นประโยชน์มากในการทำให้มั่นใจว่าได้ทนำเอาหัวข้อที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาพิจารณาในการดำเนินธุรกิจทั่วโลก
ในการที่จะสนับสนุนการนำมาตรฐาน ISO 26000 ไปใช้ ฟอนเทียร่ายังได้ใช้ ISO 14001 มาก่อนหน้านี้เพื่อทำให้มั่นใจว่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในการผลิตได้รับการรับรองและเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานระบบการจัดการรวมทั้งความยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้เกิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ซัพพลายเชนของบริษัทมีความมั่นใจในการทำงานและสมรรถนะด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ดังนั้น มาตรฐานทั้งสองจึงเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้มีการจัดลำดับความสำคัญของการปรับปรุงและทำให้มีการวางแผนอย่างเข้มแข็งด้วย
จากโครงการพัฒนาต่างๆ ของฟอนเทียร่า ยังมีการทำงานร่วมกับประเทศกำลังพัฒนาที่ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมนมเพื่อให้ความช่วยเหลืออีกด้วย เช่น อินโดนีเซีย ศรีลังกา เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจในโภชนาการและช่วยเหลือชุมชนและสังคมให้อยู่รอดด้วยซึ่งสอดคลอ้งกับความรับผิดชอบทางสังคมตามมาตรฐาน ISO 26000 นั่นเอง
สำหรับมาตรฐานอื่นๆ ที่ฟอนเทียร่านำมาใช้นั้น คือมาตรฐานระดับประเทศของนิวซีแลนด์ คือ NZS 3598: 2000 Level 2 – Energy Audit ซึ่งจัดให้มีการตรวจในรายละเอียดด้านการใช้พลังงานและการประหยัดพลังงาน ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวได้รับการพัฒนามาจากมาตรฐานของประเทศออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์
นอกจากนี้ ฟอนเทียร่ายังได้ลงทุนในการวิจัยด้านก๊าซเรือนกระจกในการทำปศุสัตว์ในทุ่งหญ้าเพื่อหาทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำปศุสัตว์ ซึ่งแคโรลิน มอร์ทแลนด์ กล่าวว่าในฐานะที่เป็นบริษัทระดับโลก จึงรู้สึกภูมิใจในความสำเร็จที่ได้รับและรู้สึกตื่นเต้นที่จะนำสิ่งที่ดีที่สุดของประเทศนิวซีแลนด์ออกไปสู่สายตาชาวโลก
ที่มา: https://www.iso.org/news/Ref2186.htm
Related posts
Tags: ISO, ISO26000, ISO50001, sustainable
ความเห็นล่าสุด