สำหรับเอสเอ็มอีแล้ว การนำระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมไปใช้เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ไอเอสโอหรือองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐานมีความเข้าใจถึงข้อจำกัดของเอสเอ็มอีเป็นอย่างดี จึงได้ออกแบบคู่มือการจัดทำระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมขึ้นมา เพื่อให้เอสเอ็มอีสามารถปรับปรุงสมรรถนะองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการนำมาตรฐาน ISO 14001 ไปใช้งานได้จริง
ประโยชน์ของการเน้นในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับธุรกิจก็คือ ไม่เพียงแต่เป็นการเชื่อมโยงธุรกิจกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถเพิ่มสมรรถนะและความสามารถในการทำกำไรได้อีกด้วย
คู่มือของไอเอสโอในเรื่องระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม – แนวทางเชิงปฏิบัติสำหรับเอสเอ็มอี (ISO 14001: 2015 – Environmental management systems – A practical guide for SMEs) จึงได้รับการปรับปรุงขึ้นใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อปี 2558
ข้อมูลที่น่าสนใจของมาตรฐาน ISO 14001: 2015 คือ มีการนำไปใช้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากกว่า 180 ประเทศ และเมื่อปลายปี 2558 มีผู้ได้รับการรับรองไปแล้วมากกว่า 300,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 8% นับจากปีก่อนหน้านั้น
ซูซาน แอล.เค. บริกกส์ ผู้เขียนคู่มือดังกล่าวและเป็นผู้นำของคณะกรรมการวิชาการของไอเอสโอ ISO/TC 207/SC 1/WG 5 กล่าวว่า ในการทบทวนมาตรฐานครั้งใหม่ที่ผ่านมานี้ มีบางประเด็นได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นข้อกำหนดใหม่หลายข้อ เช่น การมุ่งเน้นไปที่บริบทขององค์กร ความเสี่ยง โอกาส และข้อกำหนดด้านความเป็นผู้นำ เป็นต้น
ในการทำความเข้าใจกับมาตรฐานนี้ ก่อนอื่น สำคัญมากที่จะต้องไขปริศนาแนวคิดของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีองค์กรจำนวนมาก ยังคงเชื่อว่าข้อกำหนดของ ISO 14001 เป็นที่ชื่นชอบของซัพพลายเชนมากกว่า และสำหรับเอสเอ็มอีแล้ว การนำมาตรฐานระบบการจัดการไปใช้นั้น เป็นความท้าทายอย่างมากทั้งในเชิงของทรัพยากรด้านการเงินและด้านเทคนิควิชาการ อีกทั้งยังมีเวลาจำกัดด้วย ซูซาน แอล.เค. บริกกส์ ผู้เขียนคู่มือดังกล่าวจึงหวังว่าคู่มือที่จัดทำขึ้นมานี้จะช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถนำมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมไปใช้ได้ง่ายขึ้นและสามารถทำได้จริงด้วยตนเอง
คู่มือการจัดทำระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ประกอบด้วยเรื่องของความเชี่ยวชาญด้านวิชาการ เครื่องมือ รูปแบบและบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากการนำระบบไปใช้จากประสบการณ์จริงของผู้เขียนที่จะทำให้สามารถนำข้อกำหนดไปใช้งานอย่างสอดคล้องกับมาตรฐาน และที่สำคัญที่สุด ผู้เขียนหวังว่าจะช่วยลดภาระด้านการเงินจากการที่เอสเอ็มอีต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิควิชาการมาช่วยดูแล เพราะเอสเอ็มอีจังต้องการลงทุนในเรื่องเวลาอีกมาก
หัวใจสำคัญของความสำเร็จของเอสเอ็มอีก็คือ การทำให้เรื่องเหล่านี้ง่ายขึ้น นั่นคือ โครงสร้างด้านการบริหารจัดการอย่างไม่เป็นทางการ และกระบวนการตัดสินใจ ซึ่งไม่จำเป็นต้องนำเอาวิธีการที่ซับซ้อนและเป็นลำดับขั้นตอนจนเกินไปมาใช้แต่อย่างใด โดยทั่วไปแล้ว “มาตรฐาน” มักจะให้สิ่งที่เรียกว่ามันคืออะไร แต่คู่มือนี้จะให้สิ่งที่เรียกว่าต้องทำ “อย่างไร” กล่าวคือ มาตรฐาน ISO 14001เป็นกลุ่มของข้อกำหนดด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมที่องค์กรจะต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความสอดคล้อง แต่คู่มือนี้จะช่วยเหลือในเชิงปฏิบัติโดยให้ตัวอย่างและแนวทางของวิธีการที่จะทำให้องค์กรสามารถทำตามข้อกำหนดของมาตรฐาน ISO 14001 ได้
ถึงแม้คู่มือดังกล่าวจะได้รับการออกแบบมาเพื่อเอสเอ็มอี แต่องค์กรทุกขนาด ทุกประเภท ก็สามารถนำไปใช้งานได้และทำให้สามารถยกระดับให้สามารถดำเนินการได้อย่างสอดคล้องกับมาตรฐาน ISO 14001: 2015
นิโคลัส เฟลอรี่ รักษาการเลขาธิการไอเอสโอ หวังว่ามาตรฐานฉบับใหม่จะช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงประโยชน์ของมาตรฐาน ISO 14001 จากการนำไปปฏิบัติได้จริงไม่ว่าจะดำเนินกิจการใดและไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกนี้ นอกจากนี้ ISO 14001:2015 เป็นเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานให้สามารถบรรลุวาระของการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาติภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) อีกด้วย ไอเอสโอจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มือนี้จะช่วยกระตุ้นให้มีความเข้าใจในมาตรฐานดังกล่าวมากยิ่งขึ้นและช่วยให้องค์กรสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
คู่มือของไอเอสโอในเรื่องระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม – แนวทางเชิงปฏิบัติสำหรับเอสเอ็มอี (ISO 14001: 2015 – Environmental management systems – A practical guide for SMEs) สามารถศึกษาได้จากห้องสมุดของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือสั่งซื้อได้จากเว็บไซต์ของไอเอสโอ ISO member
ที่มา: https://www.iso.org/news/ref2194.html
Related posts
Tags: Environmental Management, ISO14001, SMEs
Recent Comments