บทความเรื่อง ISO 22000 ยกระดับความปลอดภัยสำหรับอาหาร ตอนที่ 1 ได้กล่าวถึงบริษัท เคเอ็มซี ผู้ผลิตส่วนประกอบของอาหารจากประเทศเดนมาร์ก ซึ่งมีมาเรียนเป็นผู้รับผิดชอบในการบำรุงรักษาและดูแลระบบคุณภาพของบริษัทให้มีความทันสมัยและได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO 22000 แล้ว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในหลายด้าน เช่น ทำให้อาหารมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการผลิต และช่วยปรับปรุงบทบาทของการจัดการและการสื่อสารกับคนในองค์กร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายครั้งใหญ่ที่รออยู่เบื้องหน้าสำหรับความปลอดภัยด้านอาหารและการจัดการรวมทั้งระบบการรับรอง ซึ่งจะกล่าวถึงดังต่อไปนี้
เกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัยด้านอาหารและการจัดการ ยังมีความเข้าใจที่มีไม่เพียงพอในผลิตภัณฑ์และการขาดความมั่นใจระหว่างผู้ซื้อและซัพพลายเออร์ในตลาดโลกที่ซับซ้อนเช่นทุกวันนี้ แต่การสื่อสารและการแลกเปลี่ยนด้านเอกสารและสินค้าก็ไม่ใช่เรื่องยาก มีลูกค้าของเคเอ็มซีหลายบริษัทที่ต้องการคู่มือที่สมบูรณ์เกี่ยวกับวัตถุดิบที่อธิบายถึงสิ่งที่ต้องทำในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น โชคไม่ดีที่บริษัทเองก็เหมือนกับหลายๆ บริษัทซึ่งมีวัตถุดิบที่หลากหลายและมีเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการยากที่จะตรวจสอบความรู้ในรายละเอียดของแต่ละองค์ประกอบทั้งหมด แม้ว่าการทำเอกสารพื้นฐานและการรับรองจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ความร่วมมือกันและความเป็นหุ้นส่วนก็จะเป็นแนวทางที่ต้องทำต่อไปเพื่อดูและรักษาความปลอดภัยด้านอาหารให้ดี รวมถึงผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพไปจนถึงความรับผิดชอบของแต่ละคน
แล้ว ISO 22000 และการรับรองระบบความปลอดภัยด้านอาหารช่วยอะไรได้บ้าง ความได้เปรียบหลักๆของมาตรฐาน ISO 22000 ก็คือ มาตรฐานนี้เป็นมาตรฐานทั่วไป ดังนั้น หลักการของมันสามารถนำไปใช้สำหรับอุตสาหกรรมอาหารทุกประเภทซึ่งขึ้นอยู่กับความคิดด้านการประเมินความเสี่ยง ซึ่งทำให้บริษัทมีความรับผิดชอบในส่วนนี้
ในด้านการจัดการเรื่องการผลิตของตนเองและผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ของตนเอง แน่นอนว่าระบบทั้งหมดขึ้นอยู่กับการจัดทำเอกสารและการวิเคราะห์ที่เหมาะสม และการตรวจประเมินจากบุคคลที่สามที่บริษัทใช้เพื่อให้มีการยอมรับในคุณภาพสำหรับบอุตสาหกรรมอาหารสมัยใหม่
สำหรับคำถามที่ว่ามาตรฐานและความต้องการที่เพิ่มขึ้นด้านการรับรอง การทำเอกสาร การตรวจประเมิน ส่งผลต่อผู้เล่นรายเล็กในภาคส่วนอุตสาหกรรมหรือไม่ มาเรียนกล่าวว่าความต้องการด้านการรับรองมีการเพิ่มขึ้นอย่างซับซ้อนและใช้เวลามากขึ้น ทุกวันนี้ ลูกค้าต่างคาดหวังในเรื่องพื้นฐานของคุณภาพผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยอาหาร พร้อมทั้งความสามารถในการดำเนินงานอย่างยั่งยืนและการค้าอย่างมีจริยธรรม มีมาตรฐานหลายมาตรฐานที่มีประเภทแตกต่างกันตามเจ้าของกิจการและลูกค้าจำนวนมากก็มีความชื่นชอบที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้เป็นการยากที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดหรือมีความเข้าใจในสิ่งที่ดีที่สุด
ในขณะที่ซัพพลายเออร์จำนวนมากตัดสินใจว่าจะทำตามมาตรฐานไหนดี ก็มีความเสี่ยงอยู่พอสมควรสำหรับบริษัทเล็กๆ
ประเด็นที่เกี่ยวข้องคือเรื่องของราคา ดังนั้น บางคนจึงต้องการให้ครอบคลุมเรื่องราคาในด้านการทำเอกสารและการบริหารจัดการด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับบริษัทขนาดเล็ก ดังนั้น การทำให้มั่นใจว่าความอยู่รอดของธุรกิจอาจหมายถึงความกล้าที่จะกล่าวกับลูกค้าว่า “เราจะทำสิ่งนี้ในรูปแบบอื่นได้ไหม” หรือ แค่บอกว่า “ขอไม่ทำ ขอบคุณ”
เนื่องจากยังมีความต้องการทั่วไปจากลูกค้าอาหารทั่วโลกซึ่งต้องการได้ใบรับรองอื่นที่ได้รับการยอมรับด้วย เช่น GFSI (Global Food Safety Initiative) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอาหารระดับโลกเพื่อเปรียบเทียบมาตรฐานอาหารความปลอดภัยสำหรับผู้ผลิต ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ จะเกี่ยวข้องกับอาหารที่ใช้เลี้ยงปศุสัตว์ด้วย
ในการที่ทำให้มาตรฐาน ISO 22000 มีความสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและช่วยยกระดับมาตรฐานนี้ จะเป็นเรื่องดีหากมีการทำหมายเหตุที่คล้ายคลึงกันในเรื่องความยั่งยืนตามแนวทางด้านจริยธรรม ซึ่งเป็นผลให้โลกของเรามีมาตรฐานพื้นฐานและยังมีความรับผิดชอบอย่างกว้างขวางในการออกแบบระบบร่วมกันสำหรับบริษัทด้วย
ไอเอสโอมีความได้เปรียบอย่างมากในการเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดีและถือเป็นมาตรฐานระดับสากล ซึ่งไอเสโอก็จะนำข้อได้เปรียบนี้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์และใช้งานง่ายยิ่งขึ้นสำหรับบริษัทต่างๆ ทั่วโลกต่อไป
ที่มา: https://www.iso.org/news/ref2298.html
Related posts
Tags: food safety
ความเห็นล่าสุด