บทความเรื่อง อาหารแห่งโลกอนาคตกับ ISO 22000 ตอนที่ 1 ได้กล่าวถึงความสำคัญของมาตรฐาน ISO 22000 ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบการจัดการความปลออภัยอาหาร ที่มีความเชื่อมโยงกับ มาตรฐานของ Codex Alimentarius ทำให้ให้รัฐบาลทั่วโลกสามารถอ้างอิงสำหรับการตรวจสอบของรัฐบาลรวมทั้งข้อกำหนดระดับประเทศ และบทความในตอนที่ 2 นี้ ยาคอบ ฟาแอเฟอร์มาน ประธานคณะกรรมการวิชาการ ISO/TC 34, Food products, และคณะอนุกรรมการที่ 17, Management systems for food safety และซีอีโอของบูโร เวอริทัส นอร์เวย์ ได้อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของมาตรฐาน ISO 22000 ไว้ดังต่อไปนี้
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่ทำให้เข้าใจมาตรฐานก็คือการแนะนำให้รู้จักกับ HLS หรือ High-Level Structure ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ใช้ร่วมกันกับมาตรฐานระบบการจัดการของไอเอสโอทุกมาตรฐาน ฟาแอเฟอร์มานอธิบายว่า มาตรฐานนี้จะช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์จากการใช้มาตรฐานระบบการจัดการมากกว่าหนึ่งระบบ
มาตรฐานนี้ยังให้ประโยชน์องค์กรในการมีแนวทางที่แตกต่างกันในความเข้าใจเรื่องความเสี่ยง ซึ่งแนวความคิดของความเสี่ยงมีการนำไปใช้ในหลายทางและมีความสำคัญมากสำหรับธุรกิจอาหารเพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างการประเมินอันตรายที่เป็นที่รู้จักในระดับปฏิบัติการและแนวคิดความเสี่ยงของธุรกิจ (ซึ่งนำเสนอในโครงสร้างใหม่)
มาตรฐาน ISO 22000 ฉบับใหม่มีการอธิบายอย่างชัดเจนถึงวงจร PDCA ด้วยการมีวงจรที่แยกออกจากกัน 2 วงจรซึ่งทำงานร่วมกัน วงจร PDCA สองวงมีการทำงานอยู่ภายในอีกวงหนึ่งซึ่งเป็นวงที่ครอบคลุมระบบการบริหารจัดการและอีกวงหนึ่งซ้อนอยู่ภายใน ซึ่งการปฏิบัติการมีการทำงานไปพร้อมๆ กันและครอบคลุมหลักการของ HACCP ที่ระบุในมาตรฐาน Codex ด้วย
การวิเคราะห์จุดอันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมในการผลิตอาหาร (Hazard Analysis and Critical Control Points: HACCP) เป็นระบบของหลักการที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานธุรกิจอาหารพิจารณาถึงวิธีจัดการกับอาหารและแนะนำกระบวนการที่ทำให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์อาหารมีความปลอดภัยในการรับประทาน
จากคำกล่าวของฮาน เบนน์ ธอมสัน ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสระบบคุณภาพที่ Chr. Hansen A/S บริษัทด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่พัฒนาแนวทางแก้ไขปัญหาตามธรรมชาติสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ระบุว่า สำหรับโภชนาการ เภสัชกรรมและเกษตรกรรมซึ่งมาตรฐาน ISO 22000 ได้ทบทวนนั้นก้าวไปไกลมากกว่าหลักการดั้งเดิมของ HACCP โดยเพิ่มการเน้นในเรื่ององค์ประกอบของความเสี่ยงเมื่อมีการผลิตอาหารเพื่อพิจารณาในเรื่องของซัพพลายเชนอย่างกว้างขวาง
ฮาน เบนน์ ธอมสัน เชื่อว่าความแข็งแกร่งของมาตรฐาน ISO 22000 คือเป็นมาตรฐานที่เป็นที่รับรู้กันทั่วโลก บริษัทที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อาหารทั้งทางตรงและทางอ้อม อาจได้รับการรับรองตามมาตรฐานนี้และออกใบรับรองโดยหน่วยงานอิสระ ในการใช้มาตรฐานนี้ ได้มีการแบ่งปันในเรื่องภาษาของความปลอดภัยด้านอาหาร ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันแล้วทั่วโลก
นอกจากนี้ มาตรฐาน ISO 22000 ฉบับใหม่ยังเป็นมาตรฐานทั่วไปที่ช่วยกำหนดกรอบการทำงานสำหรับระบบที่ต้องมีการนำไปใช้เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของอาหาร รวมทั้งยังทำให้องค์กรด้านอาหารมีเครื่องมือในการ ระบุและประเมินอันตรายเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหาร และหากไม่มีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายเกิดขึ้น จะมีวิธีลดผลกระทบให้ผู้บริโภคให้มากที่สุดได้อย่างไรเพื่อที่จะสามารถควบคุมผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้รับผลกระทบได้
เป็นที่ชัดเจนว่านโยบายรัฐบาลและความร่วมมือระหว่างประเทศจะเป็นหัวใจสำคัญ ทั้งในตลาดที่พัฒนาแล้วและที่ยังไม่พัฒนา ในการผลักดันความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการสร้างแนวทางการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับวาระ 2030 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ขององค์การสหประชาชาติที่มีเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน 17 ข้อ ทั้งนี้ ข้อที่ 17 คือ หุ้นส่วนความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมาย SDGs พอล เบสเซลลิ่ง จากบริษัท Précon Food Management และเจ้าหน้าที่ประสานงานจากคณะอนุกรรมการวิชาการที่ 17 ของ Codex Alimentarius กล่าวว่า สำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวมแล้ว เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่และธุรกิจการค้าจะมีการใช้หลักการและแนวทางเดียวกันในด้านความปลอดภัยของอาหาร ความเชื่อมโยงระหว่างกฎหมายและมาตรฐานธุรกิจจะต้องมีลำดับความสำคัญสูงในเรื่องของนโยบายความปลอดภัยด้านอาหาร สหภาพยุโรปหรืออียูจึงมีการสนับสนุนการพัฒนามาตรฐาน ISO 22000
เขายังเน้นถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงมาตรฐาน ISO 22000 กับหลักการทั่วไปของสุขอนามัยอาหารของ Codex Alimentarius (Codex Alimentarius General Principles of Food Hygiene: GPFH) แม้ว่าจะมีบทบาทที่แตกต่างกันตามธรรมชาติ แต่วัตถุประสงค์ของ GPFH คือเพื่อสนับสนุนและทำให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ด้านความปลอดภัยอาหารมีความสอดคล้องกลมกลืนกันทั่วโลกเพื่อที่จะสร้างกฎและการควบคุมอย่างเป็นทางการที่ตามมาหรือการตรวจสอบ
วัตถุประสงค์ของ ISO 22000 ก็คือเพื่อสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานในธุรกิจอาหารให้มีการปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมาย เพื่อตอบสนองข้อกำหนดของลูกค้าและยังคงมีการปรับปรุงธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
เบสเซลลิ่งกล่าวว่ามาตรฐานฉบับใหม่มีการเน้นไปที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจอาหาร ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานเข้าใจความเสี่ยงของอาหารที่ไม่ปลอดภัยในแง่ของความเสี่ยงทางธุรกิจและทำให้ตำแหน่ง/จุดยืนของบริษัทมีความเข้มแข็งในซัพพลายเชนอาหาร ในทางกลับกัน ผู้มีอำนาจหน้าที่ความปลอดภัยอาหาร การเชื่อมโยงมีความสำคัญเพราะจะช่วยสนับสนุนการทำงานและทำให้งานง่ายขึ้น
และท้ายที่สุด ในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติงานในธุรกิจอาหาร เรื่องความเชื่อถือของระบบการจัดการความปลอดภัยอาหารนั้นมีความสำคัญเนื่องจากต้องสอดคล้องกับกฎหมายและยังทำให้ผู้มีอำนาจหน้าที่มั่นใจว่าผู้ปฏิบัติงานธุรกิจอาหารมีความสอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมายเมื่อมีการใช้มาตรฐาน ISO 22000 ไปใช้ในระบบการจัดการขององค์กรแล้ว
https://www.iso.org/news/ref2299.html
Related posts
Tags: food safety, ISO, ISO22000
Recent Comments