การเปลี่ยนแปลงในโลกและในที่ทำงานหมายถึงการเปลี่ยนแปลงจากความเป็นผู้นำแบบดั้งเดิมมาเป็นความเป็นผู้นำที่นำการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิตอล การเป็นองค์กรผู้นำที่มีประสิทธิผลที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิผล จำเป็นต้องรู้จักการเปลี่ยนแปลงหลักๆ ที่เป็นพื้นฐานขององค์กร ได้แก่ เทคโนโลยี ประชากรศาสตร์ และบรรทัดฐานทางวัฒนธรรม ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาคุณลักษณะเชิงบริบทของความเป็นผู้นำเอาไว้ด้วย ซึ่งจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวไปข้างหน้า
อีก 7 ปี เราจะก้าวไปสู่ปี 2568 (ค.ศ.2025) และในการก้าวไปเป็นผู้นำในอนาคตนั้น เราจำเป็นต้องเรียนรู้ในหลายด้าน ใครบางคนอาจจะคิดว่าในเมื่อผู้นำจะต้องเป็นผู้นำ ผู้นำก็คือผู้นำอยู่นั่นเอง แต่อันที่จริงแล้ว กว่าจะเป็นผู้นำที่ดีได้ จะต้องผ่านร้อนผ่านหนาวอะไรมาบ้าง
ความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิผลนั้นไม่เพียงแต่จะมาจากประสบการณ์ การสังเกต และการเรียนรู้ขององค์กรเท่านั้น แต่เป็นต้องมีวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากรสามารถนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติให้ประสบความสำเร็จได้ด้วย
มีตัวอย่างมากมายที่ชี้ให้เห็นว่าองค์กรชั้นนำทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จต่างมีลักษณะดังกล่าวและคุณลักษณะพิเศษที่ส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิตอล ดังตัวอย่างต่อไปนี้
องค์กรที่มีชื่อว่า Royal Bank of Canada (RBC ) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในงานบริการด้านการเงินของประเทศแคนาดา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ให้บริการลูกค้าในการใช้แพล็ตฟอร์มเอไอเพื่อบริการที่รวดเร็วขึ้น สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและเป็นบริการในเชิงรุก โดยมีการปรับเปลี่ยนองค์กรในด้านความเป็นผู้นำและการใช้กลยุทธ์สนับสนุนผู้ที่มีความสามารถสูงในองค์กร
จากข้อสังเกตของอลัน ซีอีโอในตำนานของฟอร์ดและโบอิ้ง พบว่าในยุคแรกๆ เขาได้พยายามนำองค์กรไปยังทิศทางที่กำหนด แต่เมื่อมีหนึ่งในผู้จัดการชั้นนำขององค์กรลาออก เขาได้พบว่าเนื่องจากตนเองมีการบริหารจัดการที่ลงรายละเอียดมากเกินไป เขาจึงตระหนักว่าความเป็นผู้นำที่ดีควรจะเปิดโอกาสให้บุคลากรที่มีความสามารถได้แสดงออกมากกว่าควบคุมการทำงานจนเกินไป
ความท้าทายยังไม่ใช่แค่เรื่องเกี่ยวกับวิธีการเปลี่ยนแปลงความเป็นผู้นำของบริษัทใหญ่ๆ ที่มีอายุกว่า 100 ปีเท่านั้น บริษัทเล็กๆ ก็ไม่แตกต่างกัน ไบรอัน ฮัลลิแกน ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งฮับสปอต ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่วิเคราะห์เว็บไซต์และการตลาดโซเชียล ได้กล่าวว่าเขาชื่นชอบที่จะคิดถึงอนาคตโดยใช้เวลาถึงครึ่งหนึ่งที่มีอยู่ขบคิดว่าใครจะเป็นผู้นำองค์กรในอีกสิบปีข้างหน้า และเขาได้ชี้ประเด็นที่ว่าอายุเฉลี่ยของพนักงานในบริษัทคือ 25 ปี ซึ่งผู้นำของบริษัทจำเป็นต้องเข้าใจถึงสิ่งที่คนรุ่นนี้ต้องการและความเป็นผู้นำแบบไหนที่จะสามารถทำงานร่วมกับคนในวัยนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
แล้วอะไรคือ อนาคตของความเป็นผู้นำ เราจะมีการเตรียมความพร้อมส่วนบุคคลเพื่อก้าวข้ามความท้าทายของโลกอนาคต และการเตรียมความพร้อมขององค์กรเพื่อบ่มเพาะคนรุ่นใหม่ได้อย่างไร โปรดติดตามในตอนต่อไปซึ่งเป็นตอนจบค่ะ
ที่มา: https://www.iso.org/news/ref2345.html
Related posts
Tags: Future Management, Management Strategy, Strategic Management
ความเห็นล่าสุด