บทความเรื่อง เผยเคล็ดลับเตรียมพร้อมเป็นผู้นำสู่อนาคต ตอนที่ 1 ได้กล่าวถึงการก้าวไปเป็นผู้นำในอนาคตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิตอล ซึ่งจำเป็นต้องรู้จักการเปลี่ยนแปลงของโลกในทุกด้าน และได้ยกตัวอย่างองค์กรต่างๆ ที่มีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิตอล ซึ่งในครั้งนี้ ยังมีมุมมองอื่นนอกเหนือจากเรื่องของดิจิตอลซึ่งมีความน่าสนใจ ดังต่อไปนี้
ผู้ก่อตั้ง band Black Eyed Peas and STEM education advocate กล่าวว่าการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นเรื่องที่จำเป็นในยุคนี้ มีการคาดการณ์ว่า 65% ของนักเรียนในปัจจุบันจะสามารถหางานใหม่ๆ ที่ปัจจุบันไม่มีอยู่เลยได้ ในประเทศอินเดีย 70% ของนักเรียนมีการเข้าถึงสมาร์ทโฟน ด้วยเหตุนี้ เราสามารถใช้แพล็ตฟอร์มที่ช่วยดูแลนักเรียนให้รักที่จะเรียนรู้มากกว่าการเรียนรู้ผ่านข้อสอบที่เต็มไปด้วยความกังวล ด้วยการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่เข้าถึงได้ มีส่วนร่วม และมีคุณภาพสูง
Nisha Jagtiani, Group Director and board member of Landmark Group, exclusive partner of the Global Dialogue for Happiness กล่าวว่าองค์กรที่มีความสุขเป็นองค์กรที่สามารถสร้างผลผลิตได้มากกว่า การทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้บุคลากรมีความสุขมากขึ้นในที่ทำงานได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มผลผลิตได้สูงขึ้นถึง 30% และเอไอคือตัวที่ผลักให้บริษัทเปลี่ยนจากกระบวนการทำงานที่ยึดกฎเป็นหลักไปสู่กระบวนการที่ยึดผลลัพธ์สุดท้ายเป็นหลัก
Fred Kofman, Vice President of LinkedIn กล่าวว่าผู้นำที่แท้จริงไม่มีผู้ตาม แต่ผู้นำที่แท้จริงเป็นเพียงคนแรกที่หันหน้าไปยังทิศทางที่องค์กรต้องการก้าวเดินไปยังจุดหมาย ดังนั้น คนเหล่านั้นจึงไม่ได้เดินตามผู้นำ แต่กำลังเดินตามวัตถุประสงค์ขององค์กร
ตัวอย่างเหล่านี้ นำไปสู่คำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของความเป็นผู้นำ การเตรียมความพร้อมส่วนบุคคลเพื่อก้าวข้ามความท้าทายของโลกอนาคต และการเตรียมความพร้อมขององค์กรเพื่อบ่มเพาะคนรุ่นใหม่ซึ่งจะกลายเป็นผู้นำในอนาคตต่อไป
คำถามเหล่านั้น รวมถึงคำถามสำคัญดังต่อไปนี้
- อะไรคือการเปลี่ยนแปลงหลักในโลกของเรา เช่น เทคโนโลยีดิจิตอล เอไอกับ machine learning โลกาภิวัตน์ ประชากรศาสตร์ บรรทัดฐานทางสังคม เป็นต้น ที่จะมีอิทธิพลต่อความเป็นผู้นำอย่างที่ควรจะเป็น
- อะไรคือลักษณะที่แตกต่างกันของผู้นำที่ดีในอนาคต สิ่งที่พวกเขาทำมีความแตกต่างกันอย่างไรระหว่างการทำ การทำให้ดีขึ้น และการหยุดที่จะไม่ทำ และพวกเขาปฏิบัติตัวแตกต่างกันอย่างไร พวกเขาคิดอย่างแตกต่างกันเกี่ยวกับแนวทางในการเป็นผู้นำหรือไม่
- นโยบายและวิธีปฏิบัติขององค์กรจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเลือกแลพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้เป็นผู้นำอย่างไร นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว วัฒนธรรมองค์กรและบรรยากาศแบบไหนที่จำเป็นสำหรับการส่งเสริมผู้นำรุ่นใหม่ให้เข้ามามีส่วนร่วมกับองค์กรอย่างเป็นธรรมชาติ
- เนื่องจากธรรมชาติของการทำงานในปัจจุบัน เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ความเป็นผู้นำจึงเป็นการจัดการที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ แต่จะสามารถตอบสนองได้ด้วยการใช้ศิลป์มากกว่าศาสตร์หรือไม่
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คงต้องโยนความคิดที่ว่าผู้นำก็คือผู้นำทิ้งไปเสีย ผู้นำจำเป็นต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับโลกยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี ประชากรศาสตร์ สังคม การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์ หรือบรรทัดฐานทางวัฒนธรรม ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงต้องมีคุณลักษณะ พฤติกรรมและองค์ประกอบที่สำคัญบางประการที่จะทำให้เป็นผู้นำที่ดีได้ เช่น ความสมัครสมานสามัคคี ความกล้าหาญ ความสามารถในการตัดสินใจ เป็นต้น ซึ่งเป็นลักษณะของความยืดหยัดอดทนในความเป็นผู้นำ
นอกจากนี้ ความจริงที่ว่าโลกของเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอย่างสิ้นเชิงจนเราทำได้แค่เพียงคิดจินตนาการไป เช่น อีกสิบปีนับจากนี้ไปเราจะเป็นอย่างไร ทำให้เราคิดว่าจะมีความต้องการใหม่ๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะเข้าไปบริหารองค์กรยุคใหม่ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะต้องตอบสนองต่อปัจจัยหลักตามที่กล่าวมาข้างต้นมากขึ้น เช่น ยิ่งบริษัทมีความเป็นสากลมากขึ้นเท่าไร ทีมผู้นำก็จะต้องเข้าไปอยู่ในภูมิภาคต่างๆ และเป็นทีมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากขึ้นเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงทุกด้านอย่างรวดเร็วทำให้ทุกองค์กรต้องปรับตัวให้ได้ โดยเฉพาะองค์กรที่ต้องการก้าวไปเป็นผู้นำ แล้วองค์กรของเรามีการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นผู้นำที่จะก้าวสู่อนาคตแล้วหรือยัง?
ที่มา: 1. https://sloanreview.mit.edu/article/leading-into-the-future/
2. https://www.entrepreneur.com/article/310518
Related posts
Tags: Future Management, Leadership, Management Strategy, Strategic Management
Recent Comments