จากบทความเรื่อง “คลื่นลูกใหม่แห่งนวัตกรรมจากประเทศจีน” ตอนที่ 1 – 3 ทำให้ได้ข้อคิดที่น่าสนใจและนำมาสู่บทความเรื่อง “บทเรียนเรื่องคลื่นลูกใหม่แห่งนวัตกรรมจากประเทศจีนสำหรับบริษัทข้ามชาติ” รวมทั้งยังเป็นบทเรียนสำหรับบริษัทที่กำลังก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับโลกด้วย ซึ่งกลุ่มบริษัทนวัตกรจากประเทศจีนทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ Hidden Champions, Underdog Tech และ Game Changers เป็นบทสรุปจากผลการศึกษาวิจัยของ Sloan Management ที่ได้ให้ข้อเสนอแนะที่บริษัทข้ามชาติและบริษัทที่กำลังจะก้าวไปสู่การแข่งขันระดับโลกไว้ดังต่อไปนี้
1. คิดก้าวไกลไปกว่าอุตสาหกรรมที่ทุกคนยอมรับ คู่แข่งจากประเทศจีนไม่ใช่แค่ผู้เล่นที่นักบริหารระดับสากลในอุตสาหกรรมซึ่งคนส่วนใหญ่คุ้นเคยเท่านั้น แต่ยังมีผู้เล่นอื่นๆ ที่ยังมองไม่เห็นและอาจเป็นภัยคุกคามได้ อย่าง “ตัวสำรอง” (Tech underdogs) นั่นเอง
เมื่อตอนที่อูเบอร์เข้ามาในประเทศจีน อูเบอร์ไม่ได้นึกถึง “ตีตี้ จูซิง” แอพแทกซี่ส่วนบุคคลของจีนซึ่งเชื่อมโยงกับธุรกิจการจ่ายเงินทางโทรศัพท์มือถือของเทนเซนต์และอาลีบาบา สุดท้ายแล้ว อูเบอร์ก็ลงเอยด้วยการขายธุรกิจในประเทศจีนให้กับตีตี้ จูซิงด้วยเงินสดจำนวนหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐและถือหุ้นส่วน 17.7%
อีกตัวอย่างหนึ่งที่คล้ายคลึงกันคือ บ๊อช (Bosch) ซึ่งไม่ได้นึกถึง “ดงเชง” ในฐานะคู่แข่งเช่นกัน จึงกลายเป็นจุดบอดที่ทำให้บ๊อชในประเทศจีนไม่อาจก้าวไปสู่ความท้าทายที่แข็งแกร่งขึ้นได้ ดังนั้น บริษัทข้ามชาติในประเทศจีนจึงต้องสำรวจคู่แข่งอย่างถ้วนถี่ในมุมที่ไม่คุ้นเคยด้วย ซึ่งอาจปรับปรุงโอกาสของแนวโน้มที่เกิดขึ้นและทำอะไรบางอย่างกับคู่แข่งที่มีศักยภาพ
2. คิดแบบเผื่อเหลือเผื่อขาด คู่แข่งจากประเทศจีนที่เป็นไปได้มีมากกว่า 12 บริษัทหรืออาจเป็นผู้เล่นที่นักบริหารระดับสากลในอุตสาหกรรมรู้สึกคุ้นชื่อ แต่บริษัทข้ามชาติในประเทศจีนก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับภัยคุกคามที่อาจมองไม่เห็นอย่าง “ตัวสำรอง” (Tech underdogs) ด้วย
นวัตกรจีนทำให้เราคิดอยู่เสมอถึงการคิดแบบเผื่อเหลือเผื่อขาดเพื่อค้นหาโอกาสที่คุ้มค่า ในบางกรณี เราอาจค้นพบว่ายิ่งองค์กรทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นระบบนิเวศได้ดีขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งจะสามารถตอบสนองต่อโอกาสใหม่และความท้าทายที่เกิดขึ้นได้มากเท่านั้น สำหรับบริษัทข้ามชาติ หัวใจสำคัญของการใช้ความสามารถก็คือการให้บริษัทลูกมีอำนาจหน้าที่ในการทำงานอย่างอิสระมากกว่าที่เคยทำในประเทศอื่นๆ ซึ่งก็เป็นเพราะว่ามันยากที่จะคิดเผื่อเหลือเผื่อขาดจากการทำงานในพื้นที่ห่างไกลออกไป
แม้ว่าการติดตามนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องภายในองค์กรจะมีความสำคัญ แต่การลงทุนใหม่และการมีส่วนร่วมในความร่วมมือในระบบนิเวศของธุรกิจก็จำเป็นเช่นกัน เพราะไม่เพียงแต่ทำให้องค์กรสามารถขยายรายได้ออกไปเท่านั้น แต่ยังทำให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าก่อนลูกค้า หรือก่อนความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง และทำให้ปรับโมเดลธุรกิจได้ด้วย
ตัวอย่างเช่น บ๊อชมีความพยายามที่จะเชื่อมเอาระบบนิเวศเข้าด้วยกันด้วยการจัดโปรแกรมบ่มเพาะหลายอย่างและลงทุนในจีน บ๊อชได้ลงทุน 15 ล้านเหรียญสหรัฐในอุปกรณ์เครือข่ายและกำลังพัฒนาโรงงานอัจฉริยะทดลองในเมืองซูโจวซึ่งจะทำอุปกรณ์ที่ใช้กับเทคโนโลยี IoT
นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในลักษณะเดียวกันนี้กับหุ้นส่วนที่เป็นบริษัทข้ามชาติจากต่างประเทศในจีน เช่น ดีเอสเอ็ม ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านสารเคมีจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้ซื้อบริษัทที่ทำส่วนประกอบของแผงเซลล์แสงอาทิตย์ และไฟเซอร์ก็ได้พัฒนาความเป็นหุ้นส่วนกับเทนเซ็นต์และบริษัทประกันภัยผิงอันจากจีนเพื่อทำธุรกิจด้านการวางแผนธุรกิจการดูแลสุขภาพในระดับท้องถิ่น โครงการเช่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในระดับกว้างขึ้นเพื่อขยายงานด้านวิจัยและพัฒนาในประเทศจีน
3. เฝ้าบ้านตัวเองไว้ให้ดี แม้ว่าบริษัทที่ก่อตั้งจะมีตลาดอยู่ในอุตสาหกรรมที่ตนเองเชี่ยวชาญหรืออยู่ในประเทศของตนเองก็ตาม แต่จะต้องคอยติดตามภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากการแข่งขันด้วย โดยต้องศึกษาตลาดในประเทศและเข้าใจว่านวัตกรจีนก็อาจลงทุนและลงมือทำเช่นกัน บริษัทควรสำรวจความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย และลงทุนในเทคโนโลยีใหม่และการเปลี่ยนไปสู่ดิจิตอลของธุรกิจ
ดังนั้น ข้อแนะนำสำหรับบริษัทข้ามชาติที่ไม่ใช่ประเทศจีนคือ หากจะแข่งขันกับนวัตกรรมของประเทศจีนให้ได้ก็ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้เป็นอย่างดีด้วย กล่าวคือ ควรมีความได้เปรียบจากความสามารถหลักที่มีความเข้มแข็งรวม ทั้งความสามารถในการนำไปใช้ ทรัพย์สินทางปัญญา และมีแหล่งรวมคนที่มีความสามารถระดับโลกและประสบ การณ์ด้านการปฏิบัติงาน ซึ่งควรเป็นมากกว่าการมีความสามารถแค่ในระดับท้องถิ่น ควรทำความเข้าใจในความท้าทายเฉพาะด้านของนวัตกรจีน รวมทั้งควรศึกษาวิธีที่นวัตกรจีนทำธุรกิจและคิดใหม่เกี่ยวกับสมมุติฐานการสร้างนวัตกรรมให้ประสบความสำเร็จในประเทศจีนด้วย
เรื่องราวของนวัตกรรมในประเทศจีนนั้นเป็นสิ่งที่โลกตะวันตกจับตามองอยู่ไม่น้อยจนกระทั่งมีผู้กล่าวว่าประเทศจีนกำลังมีนวัตกรรมที่รวดเร็วกว่าที่ใครจะคาดเดาได้ แม้ว่าจะมีคนจำนวนมากที่คิดว่าผลิตภัณฑ์จากจีนมีราคาถูกและคุณภาพไม่สู้ดีนัก แต่ความจริงแล้ว ประเทศจีนมีบริษัทชั้นนำที่กำลังมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีอัตราการเติบโตมากขึ้นทุกขณะ เช่น หัวเหว่ย เสี่ยวมี่ อาลีบาบา เทนเซนต์ และดีเจไอ (ผู้ผลิตโดรน) เป็นต้น และเรื่องเหล่านี้เป็นบทเรียนเรื่องคลื่นลูกใหม่จากประเทศจีนซึ่งบริษัทข้ามชาติไม่อาจมองข้ามไปได้เลย
ที่มา:
Related posts
Tags: Future Management, Future watch, Technology
ความเห็นล่าสุด