เชื่อหรือไม่ ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลสามารถสร้างความเชื่อถือและสภาพแวดล้อมในการทำงานได้เป็นอย่างดี ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคลทำให้เกิดความร่วมมือกันได้ ผู้นำจะกลายเป็นศูนย์กลางที่ทำให้เกิดประสิทธิผลในยุคเศรษฐกิจดิจิตอล ทักษะเช่นนี้เป็นตัวกำหนดความแตกต่างเป็นอย่างมากระหว่างผู้นำทั่วไปกับผู้นำที่แตกต่าง ทั้งนี้ เป็นผลจากการสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงจากบริษัททั่วโลก
ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจดิจิตอล ผู้นำที่ดีคือผู้ที่เข้าใจพลังแห่งเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูล แต่สิ่งนี้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ผู้นำที่ดีจะต้องมีทักษะและความรู้สึกนึกคิดที่นำเอาคนจากธุรกิจและหน้าที่อันหลากหลายมาช่วยกันส่งมอบผลลัพธ์ที่สุดยอดให้กับลูกค้า เช่นเดียวกับที่ลอริ เบียร์ CIO (Chief Information Officer) ของเจพี มอร์แกน เชส กล่าวไว้ว่า “เราไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกคนรู้ว่าจะเขียนเอพีไอ (ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างแอพหนึ่งกับอีกแอพหนึ่ง หรือ Application Program Interface) ให้เลอเลิศได้อย่างไร แต่เราจำเป็นต้องทำให้คนมีความหลงใหลในการทำงานร่วมกันและสร้างความเข้าใจถึงวิธีการต่างๆ (เช่น เอพีไอ บล็อคเชน คลาวด์ เอไอ และแมชชีนเลิร์นนิ่ง) ที่สามารถเปลี่ยนวิธีคิดที่เราจะส่งมอบบริการให้กับลูกค้า”
ทำไมการสร้างความสัมพันธ์จึงเป็นเรื่องใหญ่ ผู้นำที่ดีมักจะทำสามสิ่งนี้ได้ดีอย่างไม่มีข้อยกเว้น สิ่งเหล่านั้น ได้แก่
ประการแรก การสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมสร้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่มีประสิทธิผลด้วยต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมที่สร้างผลลัพธ์สุดยอดให้กับลูกค้าและผู้ถือหุ้น ในโลกดิจิตอล แนวคิดของทีมได้ขยายและแปรเปลี่ยนไปอย่างมากมาย หลายประเทศมีการทำงานในระบบนิเวศที่มีแพล็ตฟอร์มหลักในสภาพแวดล้อมเดียวและคู่ค้าของระบบนิเวศน์ก็มีแพล็ตฟอร์มอีกระบบหนึ่ง ดังนั้น บริษัทอาจเป็นทั้งสมาชิกของทีมและคู่แข่งกับบริษัทอื่นด้วย ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเช่นนี้ไม่เพียงแต่ต้องมีการจัดการทางกฎหมายที่ซับซ้อนเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความเชื่อถือที่มีนัยสำคัญและความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ให้มีการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิผลด้วย นอกจากนี้ ในระดับระหว่างบริษัท เป็นไปอย่างที่ลอริ เบียร์อธิบาย คือ ผู้นำทางธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านหน้าที่จำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ข้ามสายงานที่เป็นลักษณะการมองในจุดเดียวหรือไซโลเพื่อเน้นการมองหาโอกาสใหม่และตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
ประการที่สอง การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สนับสนุนความร่วมมือและการเติบโตของพนักงานรวมทั้งการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง บริษัทจะกลายเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดคนที่มีความสามารถถ้าเพียงแต่ผู้นำทำสิ่งสำคัญคือการสร้างความสัมพันธ์ที่ทำให้ลูกจ้างมีโอกาสแสดงความคิดเห็น สร้างเป้าหมายที่ท้าทาย พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และทำให้พนักงานมีความรับผิดชอบต่อการพัฒนาเส้นทางอาชีพของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างชุมชนให้เติบโตและทำให้พนักงานมีความก้าวหน้า ความสัมพันธ์ในด้านความร่วมมือไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนผลลัพธ์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้มีการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ทรงพลังด้วย ลอริ เบียร์กล่าวว่าบางครั้งมันก็เป็นการค้นหาสุดยอดฝีมือที่มีความสามารถทางเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดความท้าทาย ยิ่งเราให้ความใสใจในการสร้างวัฒนธรรมแบบมีส่วนร่วมมากเท่าไร คนก็ยิ่งมีไฟที่จะทำงานมากขึ้นเท่านั้น
นักเทคโนโลยีและพวกมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญมักมีข้อคิดเห็นมากมายและสามารถเลือกสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสมกับพวกเขา ดังนั้น บริษัทจึงทำงานหนักเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับพนักงานเพื่อให้คนเหล่านั้นเลือกที่จะมาทำงานกับบริษัท
ประการที่สาม สร้างธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนและสังคม
ปัจจุบัน เศรษฐกิจดิจิตอลที่กำลังเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้นำจำเป็นต้องก้าวข้ามความท้าทายสามประการดังกล่าวไปพร้อมกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้น
อันที่จริงแล้ว บริษัทที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับการเกิดเศรษฐกิจดิจิตอลก็ไม่แตกต่างจากบริษัทอื่นๆ แต่การสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมผู้นำนั้นไม่ง่ายเลย การทำให้คนๆ หนึ่งหรือสองคนมีแรงบันดาลใจในการทำงานให้ประสบความสำเร็จนั้น พอเป็นไปได้ แต่ถ้าเป็นสองหรือสามคนในเวลาเดียวกันจะเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ เพราะจะมีความตึงเครียดในการการแข่งขันเพิ่มขึ้น ในในเรื่องการสร้างผลกำไรและหลักการทำงาน
ในขณะที่บริษัทกำลังสร้างโมเดลธุรกิจให้เป็นธุรกิจดิจิตอลและสร้างห่วงโซ่คุณค่านั้น ความตึงเครียดจะเกิดขึ้นในรูปแบบใหม่ เช่น ประเด็นด้านความมั่นคงปลอดภัย การใช้ข้อมูลอย่างไม่มีจริยธรรม และความเอนเอียงหรืออคติของเอไอ เป็นต้น เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความเครียดใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดแนวทางการแก้ไขปัญหาในประเด็นทางสังคมที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานในด้านการดูแลสุขภาพ การศึกษา และความยุติธรรมทางสังคม ตัวอย่างเช่น แอปเปิ้ล ซึ่งได้ทุ่มทุนไปราวสิบล้านดอลล่าร์สหรัฐในเทคโนโลยีดิจิตอลที่เรียกว่า ResearchKit และทำให้ปรับปรุงความสามารถของนักวิจัยในเชิงการวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว
ทิม คุกซึ่งเป็นซีอีโอของแอปเปิ้ล รู้ดีอยู่แล้วว่าบริษัทจะไม่มีทางทำกำไรให้กับ ResearchKit ได้ แต่เขารู้สึกว่าการใช้เทคโนโลยีของแอปเปิ้ลในเรื่องนี้ดีกว่าการเขียนเช็คจ่ายเงินให้กับองค์กรการกุศล (ทิม คุก มีการวางตัวที่แตกต่างจากสตีฟ จอบส์ ผู้นำคนก่อนของแอปเปิ้ล ในแง่ที่ว่าเขาทำตัวเป็นโค้ชให้กับทีมมากกว่าจะเป็นผู้สั่งการ) หรืออย่าง Grab ในอินโดนีเซีย ปัจจุบันเป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดในอาเซียน
หนึ่งในทฤษฎีหลักของกลยุทธ์ด้านการดึงดูดผู้มีความรู้ความสามารถของทีมบริหาร Grab คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อจ้างสตรีที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลออกไปในชนบทมาช่วยยกระดับความยากจน ที่เจพีมอร์แกน ทีมของลอริ เบียร์ได้จัดทำโครงการที่เรียกว่า Technology for Social Good ซึ่งทำให้เกิดความท้าทายสำหรับนักเรียนโรงเรียนมัธยม นักศึกษามหาวิทยาลัย และมืออาชีพที่มีประสบการณ์ซึ่งทำงานเคียงข้างกับพนักงานของบริษัท เจพีมอร์แกนเชสโดยไม่หวังผลกำไร พนักงานยังคงทำงานเกินความท้าทายดังกล่าวเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาให้สมบูรณ์แบบโดยได้เข้าไปช่วยเหลือองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรจำนวนมากกว่า 1,000 แห่ง และได้มีโอกาสสัมผัสกับชีวิตในชุมชนของคนนับล้านทั่วโลก
ผู้นำเหล่านั้นตระหนักดีถึงการสร้างความสัมพันธ์และการสร้างโลกที่ดีขึ้นซึ่งมีการเชื่อมต่อกันอย่างลึกซึ้ง แต่จะทำเช่นนี้ได้ พวกเขาก็ต้องหาทางสร้างสิ่งที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเข้ามาในบริษัทเพื่อทำงานโดยมีเป้าหมายและความหมายที่แท้จริงของการทำงาน สิ่งที่สำคัญและน่าสังเกตคือ ลอริ เบียร์ได้เน้นถึงเรื่องที่โลกของการทำงานกลายเป็นโมเดลธุรกิจไปพร้อมกับการเป็นดิจิตอลและเกิดขึ้นเสมือนจริงมากขึ้น นอกจากนี้ เขายังเชื่อว่า ปัจจัยหลักของความสำเร็จที่ยั่งยืนที่บริษัทพยายามสร้างอัลกอริทึ่มเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ นั้นก็ยังมีความสำคัญน้อยกว่าประสิทธิภาพของความสัมพันธ์กับบุคลากรในองค์กรที่บริษัทกำลังพยายามสร้างขึ้น
ผู้นำที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนที่มีภูมิหลังและความรู้ความสามารถที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้นจึงจะสามารถชนะใจคนได้อย่างแท้จริง
ที่มา: https://sloanreview.mit.edu/article/why-great-leaders-focus-on-mastering-relationships/
http://fortune.com/2015/03/26/tim-cook/
Recent Comments