สารสนเทศสุขภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ตอนที่ 1 ได้กล่าวถึงความสำคัญของสารสนเทศด้านสุขภาพและบันทึกเอกสารด้านสุขภาพซึ่งมีการปรับเปลี่ยนไปสู่เอกสารระบบดิจิตอลมากขึ้น แต่ยังคงต้องพึ่งพิงเอกสารตัวจริงอยู่บ้าง เกี่ยวกับเรื่องนี้ วารสารไอเอสโอโฟกัสจะนำทุกท่านไปรับฟังความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านสารสนเทศสุขภาพจำนวน 3 ท่านซึ่งอยู่ในคณะกรรมการวิชาการไอเอสโอด้านสารสนเทศสุขภาพ ISO/TC 215 ดังต่อไปนี้
บุคคลแรกคือ คริสเตียน เฮย์ ซึ่งได้บันทึกติดตามการทำงานในเรื่องของการมาตรฐานสารสนเทศสุขภาพมาเป็นเวลา 20 ปีโดยในระยะแรกได้ใช้ระบบบาร์โค้ดสำหรับยาและต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ GS1 นั่นเอง มีคำถามสำหรับคริสเตียนคือ ความหมายที่ง่ายที่สุดของคำว่า สารสนเทศสุขภาพหมายถึงอะไร และสารสนเทศมีความเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง คำตอบของเขาคือ ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารสนเทศหรือไอทีในเรื่องสุขภาพ ซึ่งระบบทางการแพทย์และทางวิชาการพื้นฐานจะต้องตอบสนองต่อการใช้สารสนเทศในเรื่องสุขภาพให้ได้
คริสเตียนกล่าวในมุมมองที่กว้างขึ้นด้วยการมองไปที่ภาพอนาคตในสาขาเฉพาะด้านของเขาเอง คือด้านธุรกิจร้านขายยาและเภสัชกรรม ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวกับโครงสร้างด้านสารสนเทศสุขภาพและข้อมูลมาตรฐานด้านผลิตภัณฑ์ยา สามารถประยุกต์ใช้ได้กับส่วนอื่นทุกส่วนของกระบวนการนับตั้งแต่การติดตามหลังการทำการตลาด การสนับสนุนการตัดสินใจทางคลีนิก การบ่งชี้และการมีปฏิสัมพันธ์ การแจ้งเตือนทางการแพทย์ การเบิกจ่ายเพื่อชำระเงินคืนของคนไข้ ไปจนถึงยาที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้กับบุคคลบางบุคคลโดยเฉพาะ และอื่นๆ อีกมากมาย
ในการเปลี่ยนแปลงจากกระดาษแบบเดิมๆ ไปสู่สิ่งใหม่ที่เป็นระบบดิจิตอล ทำให้ได้รับประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเรื่องของความสะดวกรวดเร็ว แต่การทำเช่นนี้จะมีผลดีมากที่สุดก็ต่อเมื่อโครงสร้างข้อมูลด้านสุขภาพต้องไม่เพียงแต่อยู่ในรูปของระบบดิจิตอลเท่านั้น แต่จะต้องสามารถปฏิบัติการจากระบบที่แตกต่างกันได้ด้วย สิ่งนี้เป็นหัวใจหลักของการเปิดรับการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ระหว่างภูมิภาค และระหว่างภาษาต่างๆ นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องพิจารณาถึงความต้องการในเชิงความหมายด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งได้มีการกล่าวถึงในคณะกรรมการวิชาการไอเอสโอ ISO/TC 215 และในองค์กรอื่นๆ
บุคคลที่สองคือ นิโคลัส ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านมาตรฐานสุขภาพและเป็นนักมังสวิรัติ ได้ทำงานด้านการเชื่อมโยงด้านภาษาร่วมกับสถาบันมาตรฐานแห่งชาติของประเทศอังกฤษ (BSI) และระบบดูแลสุขภาพแห่งชาติของประเทศอังกฤษ (UK NHS) ในฐานะที่เป็นหัวหน้าผู้ทำการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิตอลในด้านโครงสร้างข้อมูลทางคลีนิก
สำหรับคำถามที่ว่าความท้าทายของบริการทางสาธารณสุขที่มีการให้ทุนในการพัฒนาบริการคืออะไร เขากล่าวว่าน่าจะเป็นการนำเอาผู้แทนจากทุกภาคส่วนที่แตกต่างกันมาร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์และจัดการในเรื่องความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละธุรกิจ ซึ่งผู้ผลิตและมืออาชีพด้านสุขภาพกำลังให้ความสนใจอยู่
นิโคลัสกล่าวว่าแพทย์เกือบร้อยทั้งร้อยได้เข้าไปสู่ระบบดิจิตอลแล้ว แต่มีโรงพยาบาลจำนวนมากที่ยังคงใช้กระดาษอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ถ้าหน่วยงานของแพทย์สามารถนำเอาระบบของตนเองไปใช้ได้อย่างมีเหตุมีผล ส่วนหนึ่งของความท้าทายของบริการทางสาธารณสุขในระดับชาติก็จะสามารถนำมารวมเป็นระบบเดียวกันได้
ผู้เชี่ยวชาญคนที่สามคือ ไมเคิล กลิคแมน ประธานคณะกรรมการวิชาการ ISO/TC 215 และประธานของบริษัท คอมพิวเตอร์เน็ทเวิร์คอาคิเท็คท์ กล่าวว่าในการขยายความคิดพื้นฐานด้านสารสนเทศสุขภาพ อาจมีการมองว่าเป็นวิทยาศาสตร์แห่งความสามารถในการคำนวณ เขาอธิบายว่าสารสนเทศยอมรับให้มีความสามารถในการเชื่อมต่อในการปฏิบัติงานร่วมกัน ซึ่งหมายความว่าข้อมูลที่มีการรวบรวมมาเพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งสามารถหมายถึงการนำไปใช้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิผล และมีความหมายในการกำหนดที่แตกต่างกันโดยคอมพิวเตอร์และโดยตัวบุคคล
ตลอด 40 ปี ไมเคิลได้รวมมือกับองค์กรดูแลสุขภาพมากกว่า 600 แห่ง และหน่วยงานแลกเปลี่ยนด้านสุขภาพ 29 แห่ง และได้ทำงานเป็นอาสาสมัครในองค์กรพัฒนามาตรฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและองค์กรการค้าต่างๆ จากประสบการณ์อันเข้มข้นของเขาได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เขาตั้งคำถามว่าเรากำลังก้าวไปสู่การวินิจฉัยและการตัดสินใจรักษาที่ขึ้นอยู่กับข้อสังเกตที่มีการบันทึกไว้ได้อย่างมั่นใจได้หรือไม่ สิ่งนี้ทำให้คิดได้ว่ามาตรฐานสากลที่มีการทำให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการบันทึกข้อมูลทางการแพทย์จะช่วยสร้างศักยภาพในเรื่องการใช้ข้อมูลคนไข้เพื่อการวิจัยแบบไม่ระบุตัวตนได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยให้เรื่องของการยินยอมและการรักษาความลับเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เพราะเมื่อพูดถึงมุมมองด้านมาตรฐานแล้ว ความมั่นคงปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยถือเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับการทำงานในเรื่องสารสนเทศสุขภาพ
เขาอยู่ในกลุ่มงาน ISO/TC 215/WG 4 ที่ทุ่มเทให้กับเรื่องเหล่านี้และร่วมมือกับกลุ่มงานอื่นๆ ทั้งภายในองค์กรของไอเอโอเองและกับหน่วยงานภายนอกอย่างองค์กรพันธมิตรต่างๆ ซึ่งเป็นการยืนยันว่าความอ่อนไหวของข้อมูลทางการแพทย์ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ความใส่ใจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลทั่วไปทำให้มีการยกระดับในเรื่องของกฎหมายอย่าง GDPR ในสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นกฎหมายที่ปกป้องข้อมูลทั่วไปของผู้บริโภค โดยประเด็นหลักคือเป็นกฎหมายที่ทำให้คนไม่สามารถนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม หนึ่งในเหตุผลที่มีกฎหมายนี้คือปัจจุจบัน เราต้องจัดการกับปริมาณข้อมูลส่วนบุคคลที่มีอยู่มากมายอย่างที่เราไม่เคยทำมาก่อนเลย
นิโลลัสยังกล่าวต่อไปว่า ความสามารถในการปฏิบัติงานร่วมกันของระบบข้อมูลยังคงเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งการถ่ายโอนเอาความหมายจากคอมพิวเตอร์หรือระบบหนึ่งไปยังอีกระบบหนึ่งยังคงเป็นความท้าทายเป็นอย่างมาก
การที่ไอเอสโอสนับสนุนให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนามาตรฐานทำให้มาตรฐานไอเอสโอสามารถเป็นตัวแทนของแต่ละประเทศซึ่งประสบกับสถานการณ์ด้านการดูแลสุขภาพที่แตกต่างกัน และผู้ที่นำมาตรฐานไปใช้สามารถมั่นใจได้ว่างานของคณะกรรมการวิชาการ ISO/TC 215 ได้มีบทบาทสำคัญในการทำให้เกิดประสบการณ์ต่างๆ ร่วมกัน และเมื่อถึงวันหนึ่ง บันทึกดิจิตอลก็จะกลายเป็นวิธีปฏิบัติตามปกติและคงจะไม่มีการร้องขอให้ผู้ป่วยกรอกแบบฟอร์มเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกต่อไป
ที่มา: https://www.iso.org/news/ref2372.html
Related posts
Tags: Health, Quality, Standardization
Recent Comments