นับตั้งแต่โทมัส เอดิสันประดิษฐ์หลอดไฟขึ้นมาครั้งแรกในโลกเมื่อ 140 ปีที่ผ่านมา โลกได้ชื่นชมและใช้งานสิ่งประดิษฐ์นี้ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม การศึกษา และอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน ทำให้หลอดไฟมีบทบาทในการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้ และในวันที่ 16 พฤษภาคม ยูเนสโกหรือองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ได้กำหนดให้เป็น “วันสากลแห่งแสง”
วันสากลแห่งแสง เป็นวันที่ระลึกถึงการเกิดขึ้นครั้งแรกของแสงไฟเมื่อปี 2503 (ค.ศ.1960) และเป็นวันที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมความสำคัญของเทคโนโลยีแสงและความต้องการในการเข้าถึงแสงและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตในโลกที่กำลังพัฒนา ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมเป้าหมายขององค์กรในด้านการศึกษา ความเท่าเทียมกัน และความสงบ
วันสากลแห่งแสงได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานเป็นจำนวนมากในการรณรงค์เพื่อให้คนทั่วโลกให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานแสงอย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น American Institute of Physics (AIP), American Physical Society (APS), China International Optoelectronic Exhibition (CIOE), European Centres for Outreach in Photonics (ECOP), European Photonics Industry Consortium (EPIC), International Association of Lighting Designers (IALD), International Commission on Illumination (CIE และ Thorlabs เป็นต้น
สำหรับไอเอสโอได้ร่วมมือกับองค์กรสากลเรื่องแสงหรือ CIE (International Commission on Illumination) ซึ่งเป็นคณะทำงานนำร่องของการทำงานเนื่องในวันสากลแห่งแสง ทำการเผยแพร่เอกสารมาตรฐานใหม่ 2 ฉบับที่มีส่วนร่วมโดยตรงกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนดังกล่าว ได้แก่ ISO/CIE 20086 และ ISO/CIE TS 22012
สำหรับมาตรฐาน ISO/CIE 20086, Light and lighting – Energy performance of lighting in buildings เป็นมาตรฐานวิธีการคำนวณการใช้แสงอย่างมีประสิทธิผลเพื่อประมาณสมรรถนะพลังงานทั้งหมดของอาคาร ส่วนมาตรฐาน ISO/CIE TS 22012, Light and lighting – Maintenance factor determination – Way of working เป็นมาตรฐานที่ช่วยให้มีการใช้งานพลังงานแสงอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยด้วยการช่วยให้องค์การมั่นใจว่ามีการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการติดตั้งไฟ
แอดเดอวิสเซอร์ ประธานคณะกรรมการวิชาการที่ทำหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนามาตรฐานดังกล่าว ระบุว่าเอกสารเหล่านี้เป็นเครื่องมือสำคัญขององค์กรในการปรับปรุงสมรรถนะพลังงานและช่วยให้มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ในการมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน เมื่อมีความสามารถในการคำนวณสมรรถนะพลังงานของระบบไฟอย่างมีประสิทธิผลในอาคาร องค์กรจะสามารถใช้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจว่าจะปรับปรุงให้มีการใช้ระบบไฟให้มีประสิทธิผลมากขึ้นได้อย่างไร การบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องก็มีความสำคัญเช่นกันต่อเป้าหมายนี้เนื่องจากเป็นการป้องกันความผิดพลาดในเรื่องแสงและปรับปรุงความปลอดภัยและประสิทธิภาพให้ดีขึ้น
มาตรฐานทั้งสองฉบับดังกล่าวได้รับการพัฒนาโดยคณะกรรมการวิชาการ ISO/TC 274, Light and lighting มีเลขานุการคือ DIN ซึ่งเป็นสถาบันมาตรฐานแห่งชาติของประเทศเยอรมัน ด้วยความร่วมมือของ CIE ซึ่งเป็นหุ้นส่วนหลักของไอเอสโอ และคณะกรรมการของไอเอสโอและ CIE ได้ทำงานร่วมกันมากว่า 30 ปีแล้วในด้านมาตรฐานและเอกสารประเภทต่างๆ ของมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับแสงและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมาก
ผู้สนใจมาตรฐานดังกล่าว สามารถศึกษาได้จากห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือสั่งซื้อได้จากเว็บไซต์ของไอเอสโอ ISO Store
ที่มา: 1. https://www.iso.org/news/ref2394.html
2. https://www.lightday.org/governance
Related posts
Tags: Energy, Infrastructure, Standardization
ความเห็นล่าสุด