พลังงานหมุนเวียนเป็นแนวโน้มที่ทั่วโลกมีการนำไปใช้เพื่อทดแทนพลังงานจากฟอสซิล แหล่งของพลังงานหมุนเวียนจะสามารถนำมาใช้ได้อย่างไม่มีวันหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากแสงอาทิตย์ น้ำ ลม หรือแม้แต่ไฟฟ้าที่มีการนำมาใช้ซ้ำ
ปัจจุบัน องค์กรชั้นนำของโลกหลายแห่งมีนโยบายในการจัดหาพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในองค์กรเกือบทั้งหมด เช่น กูเกิ้ล แอปเปิ้ล พีแอนด์จี และกรุงแคนเบอร์ร่า ประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น
เมื่อสองปีที่แล้ว กูเกิ้ลได้เป็นบริษัทแรกที่ซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนมาใช้ สืบเนื่องมาจากการเติบโตของบริษัททำให้มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ด้วยการจัดหาพลังงานใหม่จากทั่วโลกที่ช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีมูลค่ามากกว่าสองพันล้านเหรียญสหรัฐ ตัวอย่างเช่น โครงการฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ขนาดใหญ่ที่เทกซัสและนอร์ธแคโรไลนาที่กูเกิ้ลจัดตั้งศูนย์ข้อมูลไว้ ซึ่งในอดีตนั้น กูเกิ้ลซื้อพลังงานหมุนเวียนจากฟาร์มกังหันลม นอกจากนี้ ยังมีโครงการใหม่ในชิลีที่รวมเอาการใช้พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้มีพลังงานสะอาดไว้ใช้งานได้อย่างยาวนานขึ้นในแต่ละวัน ผู้บริหารของกูเกิ้ลระบุว่าโครงการพลังงานสะอาดของบริษัทจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าที่ใช้ในกรุงวอชิงตันดีซีหรือที่ใช้ในประเทศลิธัวเนียทั้งประเทศ
เมื่อปีที่แล้ว ร้านค้าแอปเปิ้ล ศูนย์ข้อมูล และสำนักงาน มีการใช้พลังงานหมุนเวียนตามที่ตั้งเป้าไว้ และยังตั้งเป้าไว้ว่าจะช่วยให้ซัพพลายเออร์ของบริษัทมีการใช้พลังงานหมุนเวียนเช่นกัน โดยเมื่อปี 2558 (ค.ศ.2015) บริษัท แอปเปิ้ล ได้ริเริ่มโครงการระดับโลกครั้งแรกในการช่วยให้ซัพพลายเออร์เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด โดยสนับสนุนเครื่องมือและทรัพยากรจากทีมงานของแอปเปิ้ล เช่น ขยายโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์ที่เนวาด้า ติดตั้งหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ที่สิงคโปร์ และกองทุนใหม่ที่จีนจะเป็นก้าวใหม่และเป็นครั้งแรกที่บริษัทมีหุ้นส่วนทางการเงินกับซัพพลายเออร์เพื่อช่วยให้นำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ทางออนไลน์ โดยช่วยให้ซัพพลายเออร์มีความเข้าใจถึงประโยชน์ทางการเงินในการเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนพร้อมกับทำให้โรงงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นจนกระทั่งมีการใช้พลังงานลดลง เป็นต้น ทำให้ปัจจุบัน แอปเปิ้ลมีซัพพลายเออร์ 44 รายใน 16 ประเทศ และได้ตัดสินใจใช้พลังงานหมุนเวียนซึ่งเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าจากปีที่ผ่านมา
เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2562 บริษัท พี แอนด์ จีฯ ได้ประกาศว่ามีการซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และขยายแนวปฏิบัตินี้ไปยังยุโรปตะวันตกด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายของบริษัทที่เรียกว่า Ambition 2030 อันเป็นเป้าหมายการจัดซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนทั่วโลกภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) ทั้งนี้ เกิดจากการผลักดันของโครงการใช้พลังงานกังหันลมที่ฟาร์มไทเลอร์ บลัฟฟ์ มลรัฐเทกซัส ซึ่งสามารถทดแทนความต้องการไฟฟ้าจากโรงงานในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้ 100% นอกจากนี้ ในโครงการขนาดใหญ่ของบริษัทยังมีเป้าหมายลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการปฏิบัติการทั่วโลกด้วยโครงการพลังงานทดแทนที่เน้นไปที่พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานใต้พิภพ พลังงานน้ำ และการใช้ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายการใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนได้ภายในปี 2563 (ค.ศ.2020)
บริษัท พี แอนด์ จีฯ คาดว่าจากการนำโครงการใหม่ๆ ดังกล่าวไปปฏิบัติให้ประสบความสำเร็จจะทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นในบริษัทที่มีอยู่ทั่วโลกเกือบ 150 แห่งอีกด้วย
สำหรับการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของบริษัท พี แอนด์ จีฯ ยังรวมถึงการมีส่วนร่วมในโครงการของวอลมาร์ทที่ต้องการกำจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงหนึ่งพันล้านตันภายในปี 2573 ด้วย
จากรายงานข่าวของประเทศออสเตรเลียเมื่อเดือนกันยายน 2562 ระบุว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 (ค.ศ.2020) กรุงแคนเบอร์ราจะร่วมกับเมืองอื่นๆ อีก 7 เมืองทั่วโลกในการผลิตหรือจัดซื้อไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ทั้งนี้ เมื่อปี 2555 (ค.ศ.2012) ที่หลายแห่งที่มีการใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งเมือง 100% แล้ว ได้แก่ ไรน์ฮันส์รุค ประเทศเยอรมนีซึ่งเป็นแห่งแรก และมีรัฐอีก 2 รัฐในเยอรมัน และ 3 รัฐในออสเตรีย และ 1 แคว้นในสเปน
สำหรับกรุงแคนเบอร์ราเป็นดินแดนปกครองตนเอง มีประชากรเกือบ 400,000 คน มีการใช้พลังงานหมุนเวียนจากโครงการพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ และบ้านเรือนมีแผงรับแสงอาทิตย์และมีการซื้อพลังงานหมุนเวียนจากแหล่งที่มีการรับรองด้วย โดยที่ประเทศออสเตรเลียเองมีเป้าหมายว่าภายในปี 2563 จะผลิตพลังงานไฟฟ้าให้ได้ 33 เทราวัตต์ (33,000,000,000,000 วัตต์) ซึ่งคิดเป็น 23.5% ของการบริโภคพลังงานภายในประเทศจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนใหม่
สำหรับประเทศไทยมีเป้าหมายตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก คือ ภายในปี 2580 สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียนจะอยู่ที่ระดับ 20% และมีแนวทางในการบูรณาการระบบพลังงานหมุนเวียนด้วย
การพัฒนาด้านพลังงานของโลกมีความก้าวหน้าและทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีการใช้พลังงานที่ประหยัด สะอาด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งองค์กรชั้นนำทั่วโลกทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีแนวโน้มในการใช้พลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเพื่อส่งเสริมให้โลกของเราบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2573 ต่อไป
3. https://www.thaipost.net/main/detail/48457
4. https://www.nature.com/articles/d41586-019-02804-0
Related posts
Tags: Alternative Energy, energy management, Environment, Sustainability, Sustainability Management
ความเห็นล่าสุด