เมื่อปี 2558 (ค.ศ.2015) องค์การสหประชาชาติได้กำหนดเป้าหมายวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) เพื่อให้ทั่วโลกมีส่วนร่วมในการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต
ปัจจุบันเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) ได้กลายเป็นภาษาสากลสำหรับองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ทั้งนี้ เป็นรายงานจากองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (The World Wide Fund for Nature: WWF) ซึ่งรายงานว่าความร่วมมือกันดำเนินการตามเป้าหมายดังกล่าวได้เน้นถึงความรับผิดชอบของภาคเอกชนในประเด็นด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมสำหรับซัพพลายเชนในภารกิจของธุรกิจหลักด้วย
องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลชี้ให้เห็นว่ามาตรฐานด้านความยั่งยืนสามารถช่วยยกระดับความพยายามในการบรรลุถึง เป้าหมาย SDGs และมาตรฐานด้านความยั่งยืนนี้เป็นหัวใจของการเปลี่ยนไปสู่การตลาดที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน และการสร้างมาตรฐานที่เน้นในประเด็นด้านความยั่งยืนจะทำให้องค์กรทั่วโลกมีเครื่องมือที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้
บริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจอย่างแมคคินซีย์มีมุมมองด้านธุรกิจซึ่งรายงานว่าจากการสำรวจผู้บริหาร 2,900 ราย พบว่าผู้บริหาร 43% กล่าวว่าบริษัทของพวกเขาได้เชื่อมโยงเรื่องของความยั่งยืนเข้าไปในเป้าหมายทางธุรกิจ พันธกิจ และคุณค่าขององค์กรในภาพรวม
ผู้บริหารเหล่านั้นได้จัดอันดับการลดของเสียไว้ที่ 63% การลดการใช้พลังงานในระดับปฏิบัติการที่ 64% และบริหารจัดการชื่อเสียงขององค์กรเพื่อความยั่งยืนที่ 59% ซึ่งแสดงว่าปัจจุบันองค์กรในระดับแนวหน้าได้นำวาระการพัฒนาอย่างความยั่งยืนไปใช้ในการดำเนินธุรกิจแล้ว
ปัจจุบัน ทุกภาคส่วนได้มีการพิจารณานำเรื่องของความยั่งยืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานหรือการดำเนินธุรกิจ และไอเอสโอได้เห็นความสำคัญของมาตรฐานในแง่ที่ว่าการพัฒนามาตรฐาน ควรมีการนำเรื่องของความยั่งยืนไปพิจารณาในทุกขั้นตอนด้วย
มาตรฐานสากลจึงเป็นเครื่องมือพื้นฐานสำหรับการเน้นเรื่องความท้าทายที่กำลังกดดันโลกของเราอยู่ดังกล่าว มาตรฐานที่สร้างโดยทีมผู้เชี่ยวชาญของโลกด้านความยั่งยืนคือ ISO Guide 82, Guidelines for addressing sustainability in standards ซึ่งให้แนวทางสำหรับผู้พัฒนามาตรฐานเกี่ยวกับวิธีการรับผิดชอบด้านความยั่งยืนซึ่งจะทำการร่าง ทบทวน และปรับปรุงมาตรฐานต่างๆ โดยมุ่งไปในเรื่องของการยกระดับความตระหนักถึงประเด็นด้านความยั่งยืนสำหรับผู้เขียนมาตรฐานต่างๆ และทำให้มีแนวทางเชิงระบบที่มีความเสมอต้นเสมอปลายในการระบุและประเมินปัจจัยด้านความยั่งยืนซึ่งมีความสำคัญในกระบวนการพัฒนามาตรฐานในทุกๆ ขั้นตอน
แนวทางดังกล่าวได้รับการปรับปรุงแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งรวมถึงข้อมูลวิธีการที่มาตรฐานจะสามารถสนับสนุน SDGs อันทำให้มั่นใจว่ายังคงเกี่ยวข้องกับการช่วยให้โลกบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ในอนาคต
จิมมี ยอเลอร์ ผู้ประสานงานกลุ่มงานที่ทำการทบทวนแนวทาง ISO Guide 82 กล่าวว่าวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืน SDGs 2030 นั้นเป็นหน้าที่ของคณะทำงานในการทบทวนแนวทางดังกล่าวเพื่อให้มั่นใจว่าได้ให้ความสำคัญกับ SDGs และนำไปรวมไว้ในมาตรฐานด้วย
ISO Guide 82: 2019, Guideline for addressing sustainability in standards มีเป้าหมายในการปรับปรุงความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของความสามารถในการดำเนินการอย่างยั่งยืนและเน้นแนวทางในมุมมองที่หลากหลายเมื่อทำการพัฒนามาตรฐาน แนวทางนี้เป็นสินทรัพย์ที่มีคุณค่าสำหรับนักพัฒนามาตรฐานในการส่งมอบวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืน 2030 ให้กับคนทั้งโลก
สำหรับการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้น การพัฒนาในระดับประเทศควรให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกโดยรวมเข้าไปไว้ในวิสัยทัศน์ และต้องอาศัยความร่วมมือในการทำให้เป็นจริง ส่วนการเขียนมาตรฐานอาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนซึ่งจำเป็นต้องปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยมีการพิจารณาถึง 3 เสาหลักของการพัฒนาได้แก่ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
ความยั่งยืนมีแนวโน้มที่จะบรรลุได้ถ้ามีการเน้น 3 เสาหลักดังกล่าวอย่างเท่าเทียมกันและมีการดำเนินการที่เข้มแข็ง หัวใจสำคัญที่มาพร้อมกับแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนซึ่งครอบคลุม 3 เสาหลัก ได้แก่ การปฏิบัติเพื่อเน้นในประเด็นทั้ง 3 ซึ่งส่งผลต่อกันและกัน และการมีความเข้าใจในการพึ่งพิงต่อกันอยู่เสมอ
แต่หากมีข้อโต้แย้งว่าการพัฒนามาตรฐานโดยเน้นไปที่ประเด็นความยั่งยืนบางประเด็นในองค์กร อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังประเด็นอื่นได้นั้น ยอเลอร์กล่าวว่า ในกรณีเช่นนี้ นักพัฒนามาตรฐานควรจะประนีประนอมกันในข้อขัดแย้งเท่าที่จะเป็นไปได้ และพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมจากทางเลือกหลายๆ ทางในอันที่จะทำให้ผู้ใช้มาตรฐานมีความตระหนักและใส่ใจโดยตัดสินใจรับเอาทางเลือกที่สมควรไปใช้งาน
แนวทางตามมาตรฐาน ISO Guide 82 กระตุ้นให้นักพัฒนามาตรฐานมีความเคารพผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและพิจารณาความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในเรื่องที่เป็นไปได้และสามารถทำได้ในทางปฏิบัติ และทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการแบ่งปันข้อมูลโดยมีพื้นฐานอยู่บนข้อมูลป้อนกลับจากผู้เชี่ยวชาญและผู้แทนต่างๆ
ในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและความก้าวหน้าในเรื่องความยั่งยืนเป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างมากซึ่งแนวทางใน ISO Guide 82 ได้วางเค้าโครงของวิธีการที่นักพัฒนามาตรฐานสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาแนวทางเป็นของตนเองเพื่อเน้นเรื่องความยั่งยืนบนพื้นฐานของเรื่องต่างๆ
ยาน คาร์ลเซน ประธาน คณะอนุกรรมการระบุว่า ISO Guide 82 เป็นเอกสารที่มีความสำคัญสำหรับงานในอนาคตของนักพัฒนามาตรฐาน แผนปฏิบัติการหลายอย่างได้รับการกำหนดให้นำเอาเรื่องของความยั่งยืนไปพิจารณาในการทำงานร่วมด้วยอันเป็นแนวทางเดียวกับ SDGs และมีการประเมินเพื่อระบุว่าแผนไหนมีความสำคัญในการบรรลุเป้าหมายเฉพาะด้านบ้าง
ISO Guide 82 เป็นหนึ่งในเอกสารหลักที่ใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินด้านความยั่งยืนและคณะอนุกรรมการพบว่าเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์และสามารถใช้ในทางปฏิบัติเพื่อพัฒนามาตรฐานได้อย่างมั่นใจว่ามีความยั่งยืนจริงๆ
การมาตรฐานมีบทบาทสำคัญสำหรับการเปลี่ยนโลกของเราให้กลายเป็นโลกที่ยั่งยืน ผู้พัฒนามาตรฐานทั่วโลกที่นำมาตรฐาน ISO Guide 82 ไปใช้ จะมีการพิจารณาในทุกขั้นตอนของกระบวนการพัฒนามาตรฐาน ซึ่งจะช่วยปกป้องผลกระทบในระดับโลกในประเด็นความยั่งยืนที่เป็นเนื้อหาสาระมากที่สุด และผู้พัฒนามาตรฐานยังเพิ่มคุณค่าให้กับสังคมด้วยการสร้างมาตรฐานสำหรับอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับพวกเราทุกคนและสนับสนุนให้โลกบรรลุวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2030 ด้วย
ที่มา: 1. https://www.iso.org/news/ref2507.html
2. https://www.iso.org/sdgs.html
Related posts
Tags: ISO, SDGs, Standardization, Standards, Sustaiability
Recent Comments