อนาคตของประเทศว่าจีนจะมีประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ สำนักงานคณะทำงานด้านอายุประชากรแห่งชาติได้รายงานว่าภายในปี 2593 (ค.ศ.2050) ประเทศจีนจะมีประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึง 487 ล้านคน SAC ซึ่งเป็นสถาบันมาตรฐานแห่งชาติของประเทศจีนจึงได้พัฒนามาตรฐานใหม่ของประเทศขึ้นมาเพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพของศูนย์ดูแลผู้สูงวัยให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน
จีนได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา และประเทศจีนก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องทางสังคมหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องของการปรับปรุงด้านโภชนาการ การเข้าถึงการดูแลทางการแพทย์ และความตระหนักมากขึ้นในประเด็นสุขภาพอย่างการสูบบุหรี่ ทำให้คนจีนมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่ดี แต่การจัดเตรียมด้านการดูแลผู้สูงอายุแบบมืออาชีพอย่างเพียงพอยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องดำเนินการในอีกระดับหนึ่ง
ประเทศจีนก็เหมือนกับประเทศทางตะวันตกในหลายประเทศซึ่งคนหนุ่มสาวมีแนวโน้มออกไปทำงานในเมืองมากขึ้นและมีการใช้อุปกรณ์มือถือในการทำงานมากขึ้นซึ่งหากผู้สูงวัยไม่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากครอบครัวแล้ว ก็จำเป็นต้องใช้บริการของบ้านพักดูแลผู้สูงวัย
อันที่จริงแล้ว ประชากรมากกว่า 18% มีอายุมากกว่า 60 ปี หมายความว่าคนจำนวน 250 ล้านคนอาจต้องการการดูแลจากคนที่เป็นมืออาชีพ ทำให้งานบริการในด้านนี้มีการขยายออกไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งขาดแนวทางที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันซึ่งทำขาดคุณภาพมาตรฐานของบ้านพักดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยหรือผู้สูงวัย แต่ปัจจุบันกำลังจะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีในการมีมาตรฐานในเรื่องนี้ กล่าวคือ หน่วยงาน SAMR (State Administration for Market Regulation) ของประเทศจีน ได้ร่วมกับ SAC ทำการปรับปรุงวิธีการส่งมอบการดูแลผู้สูงวัยอย่างปลอดภัยด้วยมาตรฐาน GB 38600-2019 – Basic specification of service safety for senior care organization
โฆษกจากกระทรวงกิจการพลเรือนของจีน ร่วมกับ SAC ได้เริ่มปรับปรุงการส่งมอบวิธีการดูแลผู้สูงวัยด้วยมาตรฐาน GB 38600-2019 – Basic specification of service safety for senior care organization
โฆษกจากกระทรวงกิจการพลเรือนซึ่งได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการพัฒนาและส่งเสริมมาตรฐานดังกล่าวอธิบายว่า มาตรฐานนี้เป็นมาตรฐานบังคับระดับประเทศฉบับแรกในด้านการดูแลผู้สูงวัย
ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงวัยในประเทศจีนจะมีช่วงเวลาปรับเปลี่ยนหรือเตรียมตัวเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานดังกล่าว จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2565
เป็นที่น่าสังเกตว่าการใช้มาตรฐานของประเทศจีนซึ่งเป็นการบังคับตามกฎหมายที่ซับซ้อนนั้นมีมาตรฐานระดับประเทศของจีนถึง 2,100 ฉบับที่จะถูกบังคับตามกฎหมาย นับเป็นจำนวน 5% ของมาตรฐานทั้งหมด
หน่วยงาน MCA อธิบายว่าหน่วยงานมีความพยายามทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยในช่วงแรก ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบของจีนกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อยกระดับความตระหนักถึงมาตรฐานใหม่ ในระยะต่อไปจะมีการสนับสนุนศูนย์ดูแลผู้สูงวัยระหว่างที่มีการนำมาตรฐานไปใช้ ส่วนระยะที่สามและระยะสุดท้ายจะมีการทำให้มั่นใจว่าผู้ปฏิบัติการทั้งหมดมีการปฏิบัติตามมาตรฐานอย่างถูกต้อง หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายจะใช้เช็คลิสต์ที่เรียบง่ายเพื่อให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามมาตรฐานอย่างแท้จริง
ประโยชน์หลักๆ ของมาตรฐานนี้ก็เพื่อดูแลผู้ที่พักอาศัยในศูนย์ดังกล่าว แต่มาตรฐานใหม่จะทำให้กระบวนการด้านการบริหารงานมีความกระชับมากขึ้น ซึ่งจะมาแทนที่ความจำเป็นของใบอนุญาตส่วนบุคคลซึ่งจะมีการดำเนินการเป็นกรณีๆ ไป
ข้อมูลจาก MCA กล่าวว่ามาตรฐานประกอบด้วย 7 ส่วน รวมทั้งข้อกำหนดร่วม การประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย บริการในเชิงป้องกันและข้อกำหนดด้านการบริหารจัดการ
มาตรฐาน GB 38600 ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ทำงานร่วมกันกับมาตรฐานที่มีอยู่แล้ว 2 ฉบับ ได้แก่ มาตรฐาน GB/T 35796-2017 – Basic specification of service quality for senior care organization ส่วนอีกฉบับหนึ่งเป็นการจัดระดับศูนย์ที่พักซึ่งก็คือ มาตรฐาน GB/T 37276-2018 – Classification and accreditation for senior care organization
มาตรฐานดังกล่าวจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมการดูแลผู้สูงวัยในประเทศจีนอย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพต่อไป
ที่มา: https://www.iso.org/news/ref2528.html
Related posts
Tags: aging society, ISO, Nursing Homes, Senior Care, Standardization
Recent Comments