บทความ เรื่อง “ISO 44003 มาตรฐานใหม่ ช่วยเอสเอ็มอีจัดการความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ตอนที่ 1” ได้กล่าวถึงผลกระทบของการระบาดใหญ่ต่อธุรกิจท่องเที่ยวเอสเอ็มอีซึ่ง 99% ของธุรกิจนี้ในกลุ่มประเทศ OECD (องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา) เป็นกลุ่มที่กำลังขับเคลื่อนการเติบโตและเป็นรากฐานสำคัญทางเศรษฐกิจ ไอเอสโอตระหนักถึงความสำคัญของเอสเอ็มอีว่าจำเป็นต้องสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่เชื่อถือได้ระหว่างธุรกิจ จึงได้พัฒนามาตรฐาน ISO 44003 ขึ้นมาเพื่อช่วยในการจัดการความสัมพันธ์ทางธุรกิจร่วมกัน และเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับเอสเอ็มอีในการดำเนินการตามหลักการพื้นฐานเมื่อเดือนเมษายน 2564
มาตรฐาน ISO 44003, Collaborative business relationship management – Guidelines for micro, small and medium-sized enterprises on the implementation of the fundamental principles เป็นมาตรฐานการจัดการความสัมพันธ์ทางธุรกิจร่วมกันซึ่งเอสเอ็มอีสามารถใช้เป็นแนวทางสนับสนุนธุรกิจของตนเอง และผู้เชี่ยวชาญของไอเอสโอได้ให้ความเห็นว่ามาตรฐานนี้เป็นประโยชน์สำหรับเอสเอ็มอี
เดวิด ฮอว์กินส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Institute for Collaborative Working และประธาน ISO/TC 286 ซึ่งเป็นคณะกรรมการด้านเทคนิคของ ISO สำหรับการจัดการความสัมพันธ์ทางธุรกิจร่วมกันที่พัฒนามาตรฐานดังกล่าว ตระหนักถึงความท้าทายของการจัดการความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่รออยู่ข้างหน้า แต่ก็ยังเห็นความสำเร็จในตัวอย่างมากมายขององค์กรขนาดใหญ่ที่ใช้แนวทางการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือกันระหว่างธุรกิจเท่าที่จะสามารถทำได้
เขากล่าวว่าจะเห็นได้ว่าเอสเอ็มอีจำนวนมากต้องต่อสู้ดิ้นรน และต้องเชื่อมโยงกับชุมชนธุรกิจของตนเองให้ได้ในระดับหนึ่งและสิ่งนี้เองได้ช่วยให้เอสเอ็มอีผ่านพ้นวิกฤตอุปสรรคไปได้ ผู้คนเป็นจำนวนมากได้ให้กำลังใจกันในยามที่เกิดวิกฤต COVID-19 และยอมรับมากขึ้นถึงประโยชน์ของการทำงานร่วมกัน
เขาอธิบายต่อไปว่าองค์กรเหล่านั้นที่มีแนวทางที่มีโครงสร้างสำหรับความสัมพันธ์ของพวกเขาอยู่แล้ว และมีการเตรียมพร้อมที่ดีกว่า ดังนั้น จึงสามารถตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ความสำคัญของเอสเอ็มอีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานเป็นสิ่งสำคัญ เขาหวังว่าการแนะนำ ISO 44003 นี้จะช่วยให้ MSMEs พิจารณาว่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกันได้อย่างไร
ไอเอสโอได้เคยพัฒนาและเผยแพร่มาตรฐาน ISO 44001, Collaborative business relationship management systems — Requirements and framework ซึ่งองค์กรขนาดเล็กหลายแห่งมองว่าเป็นมาตรฐานสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมทางธุรกิจในทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ต่างประสบกับความยากลำบาก โดยเฉพาะเอสเอ็มอีและ MSMEs ต้องดิ้นรนขวนขวายและพยายามใช้โอกาสและประโยชน์จากการทำงานร่วมมือกัน ซึ่งเดวิด ฮอว์กินส์กล่าวว่าด้วยเหตุผลดังกล่าวนี่เองที่ทำให้ ISO 44003 ถือกำเนิดขึ้นเพื่อสนับสนุนองค์กรขนาดเล็กในเรื่องดังกล่าว และการนำมาตรฐาน ISO 44003 ไปใช้เป็นสิ่งที่ทำให้องค์กรรู้จักโครงสร้างในระดับต่างๆ ที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนมากขึ้น และยังเป็นโอกาสสำหรับ MSMEs ด้วย ในขณะเดียวกัน องค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งก็ตระหนักดีถึงคุณค่าของ MSME ที่เท่าเทียมกัน ดังนั้น ในปลาย 2564 นี้ ไอเอสโอจึงหวังว่าจะเผยแพร่คู่มือทั้งสองฉบับในลักษณะคู่ขนานกันเพื่อแสดงให้เห็นว่าองค์กรทุกขนาดสามารถมีส่วนร่วมกันได้ดีขึ้นอย่างไร
นอกจากนี้ ชอน แม็กคาร์ธี ประธานโรงเรียน Supply Chain Sustainability School ประเทศสหราชอาณาจักรและที่ปรึกษาอิสระ ผู้เขียนและผู้บรรยายด้านนโยบายและแนวปฏิบัติทางธุรกิจที่ยั่งยืน ยังเห็นคุณค่าของมาตรฐานไอเอสโอใหม่ในการส่งเสริมความร่วมมือ โดยให้ความเห็นว่าธุรกิจส่วนใหญ่ทั่วโลกเป็นองค์กรขนาดเล็กถึงขนาดกลาง และผู้ให้บริการภาครัฐทั่วโลกก็ต้องการทำธุรกิจร่วมกับพวกเขามากขึ้น ซึ่งการทำงานร่วมกันถือเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มมูลค่าสูงสุดจากความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อกับซัพพลายเออร์เหล่านั้น
แน่นอนว่าการทำงานร่วมกันสามารถก่อให้เกิดประโยชน์มากมายแก่ธุรกิจเป็นอย่างมาก แต่อย่างที่ชอน แม็กคาร์ธีได้ชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจขนาดเล็กนั้นแตกต่างจากธุรกิจขนาดใหญ่มาก ดังนั้น มาตรฐาน ISO 44003 จึงสามารถสนับสนุนเอสเอ็มอีเพิ่มเติมในจุดนี้ได้ เขากล่าวว่าชุดมาตรฐาน ISO 44000 ให้แนวทางที่จำเป็นในการจัดการความสัมพันธ์เหล่านั้นในลักษณะที่แสดงให้เห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นใหญ่ในการทำงานร่วมกัน
เดวิด ฮอว์กินส์ กล่าวว่าในภาวะที่เอสเอ็มอีและ MSMEs กำลังปรับตัวให้เข้ากับยุคนิวนอร์มอลนั้น เห็นได้ชัดเจนว่ามาตรฐาน ISO 44003 สามารถนำไปใช้ร่วมกับชุดมาตรฐาน ISO 44000 ฉบับอื่นได้ และถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้น แต่ COVID-19 ทำให้เราเข้าใจชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับความสำคัญในการปรับตัวหรือความยืดหยุ่นขององค์กร ซึ่งในอนาคต ความมั่นใจในผู้ให้บริการภายนอกจะเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก
ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนจะมีความสำคัญและการใช้แนวทางที่มีโครงสร้างจะช่วยสร้างความมั่นใจซึ่งมาตรฐานไอเอสโอดังกล่าวได้ให้กรอบการทำงานที่จำเป็นสำหรับความสัมพันธ์เหล่านั้น
เดวิด เมอร์เรย์ ผู้จัดพิมพ์นิตยสาร The Business Magazine ในสหราชอาณาจักร ได้กล่าวไว้ว่าธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นที่ที่องค์กร นวัตกรรมและองค์กรทั่วไปสามารถทำงานด้วยความร่วมมือกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วยการสนับสนุนของมาตรฐานสากลอย่าง ISO 44003 ซึ่งทำให้ภาคส่วนนี้มีโอกาสมากขึ้นที่จะสร้างการฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น และส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กลับคืนมาอีกครั้ง
ที่มา: https://www.iso.org/news/ref2706.html
Related posts
Tags: Collaborative business relationship management, COVID-19, ISO 44003, Micro SME, MSMEs, OECED, Pandemic, SME, standard, Standardization
Recent Comments