ปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 40 ปีของการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency: IAEA) และไอเอสโอหรือองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization: ISO) ในโอกาสนี้ ผู้นำของทั้งสององค์กรจึงได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกันต่อไปในด้านการพัฒนามาตรฐานสากลเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์และมีความปลอดภัยสำหรับโลกของเรา ราฟาเอล มาริอาโน กรอสซี ผู้อำนวยการทั่วไปของ IAEA กล่าวว่าแม้ว่า IAEA และไอเอสโอจะเป็นองค์กรที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่งานที่สำคัญมากด้านมาตรฐานสากลก็เป็นส่วนเสริมที่สำคัญ โดยการทำงานร่วมกันในช่วงเวลา 40 ปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และทำให้มีโอกาสที่จะมองไปข้างหน้าในการทำร่วมงานกันต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่ามาตรฐานสากลยังคงเหมาะสมกับวัตถุประสงค์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ซึ่งปัจจุบันยังคงมีการนำมาใช้อย่างปลอดภัยหลายด้านตั้งแต่การรักษาโรคมะเร็งไปจนถึงการใช้พลังงานนิวเคลียร์ที่สามารถบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและทำให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ เซอร์จิโอ มูจิกา เลขาธิการไอเอสโอ กล่าวว่าความเข้าใจเกี่ยวกับศักยภาพของพลังงานปรมาณูยังคงมีความก้าวหน้ามากขึ้น ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างสององค์กรนี้จึงมีความจำเป็นมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้น และในการเปลี่ยนจากเศรษฐกิจไฮโดรคาร์บอนไปใช้พลังงานที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า มีกรณีที่ชัดเจนสำหรับประโยชน์ของพลังงานนิวเคลียร์ร่วมกับแหล่งพลังงานหมุนเวียน และเพื่อที่จะเผยแพร่เทคโนโลยีเหล่านี้ งานของ IAEA และบทบาทของมาตรฐานสากลยังคงมีความจำเป็นในการดำเนินการต่อไป IAEA เป็นศูนย์กลางของโลกสำหรับความร่วมมือด้านนิวเคลียร์ งานดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งหรือการนำมาตรฐานความปลอดภัยมาใช้ในการปกป้องผู้คนและสิ่งแวดล้อมจากผลกระทบที่เป็นอันตรายของรังสีไอออไนซ์ ส่วนไอเอสโอเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่เป็นอิสระและไม่สังกัดภาครัฐ โดยมีสมาชิกเป็นสถาบันมาตรฐานแห่งชาติรวม 165 แห่งซึ่งเป็นแหล่งรวมผู้เชี่ยวชาญเพื่อแบ่งปันความรู้และพัฒนามาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้องกับตลาดโดยสมัครใจตามฉันทามติหรือความเห็นพ้องต้องกันและเกี่ยวข้องกับตลาดซึ่งสนับสนุนนวัตกรรมและมีแนวทางแก้ไขปัญหาให้กับความท้าทายระดับโลก MoU ที่ลงนามโดย IAEA และไอเอสโอ เมื่อปี 2524 (ค.ศ.1981) ได้กำหนดแนวทางสำหรับความร่วมมือและการปรึกษาหารือกันเป็นประจำในเรื่องที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ทำให้ทั้งสององค์กรสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามกฎหมายของตนได้ ผู้เชี่ยวชาญไอเอสโอที่ทำหน้าที่ในคณะกรรมการมาตรฐานความปลอดภัยของ IAEA มีส่วนช่วยในการพัฒนาและทบทวนมาตรฐานความปลอดภัยของ IAEA ในเรื่องความปลอดภัยของนิวเคลียร์ ความปลอดภัยของของเสีย ความปลอดภัยของรังสี ความปลอดภัยในการขนส่ง และการเตรียมพร้อมและการตอบสนองในกรณีฉุกเฉิน ในทำนองเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญของ IAEA จะเข้าร่วมในคณะกรรมการวิชาการของไอเอสโอซึ่งครอบคลุมหัวข้อต่างๆ เช่น พลังงานนิวเคลียร์ การจัดการคุณภาพ และคุณภาพอากาศและน้ำ และเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เชี่ยวชาญของ IAEA ได้สนับสนุนการพัฒนามาตรฐานไอเอสโอสำหรับห่วงโซ่อุปทานนิวเคลียร์และเรเดียมในน้ำดื่มด้วย MoU ได้ผ่านการทดสอบมาอย่างยาวนานว่าเป็นกรอบการทำงานที่แข็งแกร่ง ยืดหยุ่น และปรับเปลี่ยนได้สำหรับความร่วมมือ กว่าสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่ง IAEA ได้สนับสนุนการพัฒนาร่วมกันของมาตรฐานสากลในหลายสิบด้าน เมื่อมองไปยังอนาคต IAEA และไอเอสโอจะสร้างความร่วมมือที่มีอยู่เพื่อพัฒนามาตรฐานสำหรับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่และหัวข้อใหม่ และยังมั่นใจว่ามาตรฐานที่แต่ละองค์กรพัฒนาขึ้นนั้นมีการอ้างอิงโยงกันอย่างกว้างขวางและอนุญาตให้ผู้ใช้ทั่วโลกนำไปใช้อย่างสม่ำเสมอ IAEA และไอเอสโอจะยังคงร่วมกันมุ่งมั่นในการพัฒนามาตรฐานที่ตกลงร่วมกันในระดับสากลซึ่งมีคุณภาพสูง เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และเป็นมิตรกับผู้ใช้ ดังนั้น จึงสามารถปกป้องทั้งผู้คนและสิ่งแวดล้อมได้ ความมุ่งมั่นร่วมกันนี้จะสร้างกรอบการทำงานที่เอื้ออำนวยสำหรับประเทศต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์อย่างสันติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติต่อไป ที่มา: https://www.iso.org/news/ref2718.html
Related posts
Tags: IAEA, ISO, MoU, Nuclear technology, SDGs, standard, Standardization
Recent Comments