หนึ่งในแนวโน้มของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในอดีตและเป็นแรงผลักดันให้โลกของเราก้าวสู่ยุคดิจิทัล คือ คอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้นำจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ แต่การมีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับดิจิทัลเพียงอย่างเดียวไม่อาจทำให้ธุรกิจหรือองค์กรสร้างความแตกต่างได้อีกต่อไป องค์กรที่มีอนาคตไกลจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ที่สามารถผนวกเรื่องของเทคโนโลยีให้เข้ากับองค์กรได้อย่างเหมาะสมด้วย
เทคโนโลยีที่ใช้นวัตกรรมเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น สามารถนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีบล็อกเชน Distributed ledger technology เอไอ Artificial intelligence เทคโนโลยีเสมือน Extended Reality หรือควอนตัมคอมพิวเตอร์ Quantum computing ซึ่งเรียกรวมกันว่า “เทคโนโลยีดาร์ก” (DARQ technologies) เทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นชุดเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อจุดประกายของการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งจนทำให้ธุรกิจสามารถพลิกโฉมอุตสาหกรรมได้ทั้งหมด
อันที่จริงแล้ว เทคโนโลยีดาร์ก (DARQ) กำลังสร้างความแตกต่างอยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆ ในปัจจุบัน แต่โดยรวมแล้ว เทคโนโลยีดาร์กจะขับเคลื่อนนวัตกรรมและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับยุคหลังยุคดิจิทัลโดยเฉพาะ เนื่องจากระบบดิจิทัลกำลังมีบทบาทเป็นอย่างมากในทุกธุรกิจ องค์กรที่ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลสามารถประสบความธุรกิจได้โดยมีเทคโนโลยีดาร์กเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดเส้นทางใหม่สู่อนาคตที่คาดไม่ถึง
หลากหลายเทคโนโลยีรวมอยู่ในเอไอ
เอไอหรือปัญญาประดิษฐ์ในปัจจุบันรวมเอาเทคโนโลยีมากมายเข้าไว้ด้วยกันเพื่อนำไปใช้งานนับตั้งแต่วิทยาการข้อมูล (Data Science) วิทยาการคอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงความรู้ด้านสังคมศาสตร์ เอไอจึงเป็นสาขาที่กว้างมากและอยู่ภายใต้เทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการใช้งานทั้งในทางอุตสาหกรรมและสังคมโดยเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัลซึ่งมีการสร้างคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการเรียนรู้ตามที่ได้รับการตั้งโปรแกรมให้ทำงานตามปกติซึ่งต้องใช้สติปัญญาของมนุษย์ด้วย ซึ่งหมายรวมถึงการใช้เหตุผล การแก้ปัญหา การทำความเข้าใจภาษา การคาดคะเนหรือการอนุมาน และการรับรู้สถานการณ์หรือสภาพแวดล้อม โดยพื้นฐานแล้ว มีความเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่ดีกว่า ลึกกว่า และไม่สามารถทำได้ในทางปฏิบัติด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้อัลกอริธึมการเรียนรู้ด้วยคอมพิวเตอร์
แนวโน้มดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรวดเร็วในการนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้ ซึ่งความสามารถและการใช้งานที่เพิ่มขึ้นมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงเกือบทุกอุตสาหกรรมและทุกสาขาอาชีพ เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้ว สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนวิธีการที่มนุษย์โต้ตอบกับเครื่องจักร ซึ่งควรพิจารณาว่าเป็นเมกะเทรนด์เนื่องจากขนาดและการเข้าถึงทางภูมิศาสตร์ของผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจะเกิดขึ้นอย่างมากมายมหาศาล
ผลกระทบของเอไอที่คาดการณ์ไว้มีความสำคัญ มีการประมาณการที่แตกต่างกันมากมาย แต่เพื่อเป็นตัวอย่างของขนาดของการคาดการณ์เหล่านี้ จึงยกตัวอย่างจากรายงานเศรษฐกิจดิจิทัลจากการประชุมขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งประมาณการว่าเอไอมีศักยภาพที่จะสร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีก 13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) และมีส่วนทำให้ GDP เติบโตเพิ่มขึ้น 1.2% ต่อปี ส่วนสถาบัน Future Today คาดการณ์ว่าตลาดเอไอทั่วโลกจะมีอัตราเติบโตสะสมเฉลี่ยต่อปีเติบโตที่ 42.2% ระหว่างปี 2564 ถึงปี 2570 (ค.ศ. 2021 – 2027)
เอไอเปลี่ยนชีวิต
ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า การใช้งานเอไอที่มีศักยภาพจะเปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้นในหลายๆ ด้าน ตัวอย่างที่สำคัญ ได้แก่
• การเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงาน เอไอมีศักยภาพมหาศาลในการเพิ่มผลิตภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดแรงงานในอนาคตอย่างแน่นอน ในระยะสั้น ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ เช่น หุ่นยนต์ อาจทำให้งานปัจจุบันจำนวนมากหยุดชะงัก แต่ในระยะยาว เอไอจะสร้างงานใหม่จำนวนมากซึ่งเป็นงานที่มนุษย์ต้องทำซ้ำแล้วซ้ำอีกและเป็นงานที่ไม่ปลอดภัย
• การดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น เอไอกำลังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการดูแลสุขภาพในด้านต่างๆ เช่น พยาธิวิทยาและรังสีวิทยา โดยการปรับปรุงความเร็วและความแม่นยำในการวินิจฉัยโรค เช่น มะเร็งเต้านม ในอนาคต เอไอจะอำนวยความสะดวกด้านการแพทย์เฉพาะบุคคลและการพัฒนายา เช่น อนุญาตให้ใช้ยาที่ปรับแต่งตามลักษณะทางพันธุกรรมของแต่ละบุคคล ช่วยกำจัดโรคติดเชื้อ และแม้กระทั่งทำนายการระบาดของโรคในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นในสัตว์ เป็นต้น
• การศึกษาเฉพาะบุคคล เอไอสามารถนำไปใช้ในการเรียนรู้ส่วนบุคคลได้เช่นเดียวกับการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล ด้วยการกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้โดยพิจารณาเพิ่มเติมความรู้ที่ผู้เรียนแต่ละคนยังไม่มีและสร้างเนื้อหาการเรียนรู้ที่กำหนดขึ้นมาให้เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคน
• การผลิตและการบริโภคที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการคาดการณ์ไว้อย่างกว้างขวางว่าเอไอจะช่วยเพิ่มผลผลิตของอุตสาหกรรมและผู้ปฏิบัติงานซึ่งจะมีธุรกิจอุตสาหกรรมจำนวนมากสนใจนำเอไอไปใช้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งโดยมองหาความได้เปรียบทางการแข่งขัน บริษัทแมคคินซีย์ประมาณการว่า 70% ของบริษัทต่างๆ อาจใช้เทคโนโลยีเอไออย่างน้อยหนึ่งอย่างภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) ทำให้มีการนำเอไอไปใช้มากขึ้นเพื่อระบุเส้นทางการส่งมอบหรือห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนสูงสุดในการเกษตรซึ่งผลลัพธ์ที่ได้อาจนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
• ธรรมาภิบาลที่มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากขึ้น เอไอสามารถช่วยกำหนดและประเมินประสิทธิผลของนโยบายของรัฐบาล และยังใช้เพื่อดำเนินงานด้านกฎหมายที่จำเป็นซึ่งจะต้องมีการกลั่นกรองและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล
สำหรับบทความในครั้งต่อไปจะกล่าวถึงความท้าทายและความเสี่ยงของเอไอ และมาตรฐานไอเอสโอที่เกี่ยวข้องกับเอไอ
ที่มา: https://www.iso.org/foresight/computing.html
Related posts
Tags: Agriculture, AI, Cloud Computing, Consumption, DARQ technologies, Data Science, Governance, Health, ISO, Labor, Productivity, Quantum computing, Standardization
Recent Comments