หากค้นหาคำว่า “มาตรฐาน” ในพระคัมภีร์ของคริสตศาสนา จะพบว่ามาตรฐานได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้มานานราวหนึ่งพันปีก่อน
คริสตกาลแล้ว ต่อมา มนุษย์เราต้องการมาตรฐานเพิ่มมากขึ้นในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมราวศตวรรษที่ 18 เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของ
ต้นทุน ความสามารถในการสับเปลี่ยนชิ้นส่วนเครื่องจักร รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจำนวนมาก
สำหรับมาตรฐานฉบับแรกที่มีการเผยแพร่ของโลก ได้แก่มาตรฐานของประเทศเยอรมนีซึ่งระบุมิติและวัสดุตามมาตรฐาน DI-Norm 1
ส่วนองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐานได้รับก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2490 (ค.ศ.1947) ด้วยแนวคิดในการตอบคำถาม
พื้นฐานว่า “วิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนั้นคืออะไร” ซึ่งเริ่มต้นจากน้ำหนักและหน่วยวัดก่อน และในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาก็ได้พัฒนาเป็น
กลุ่มมาตรฐานที่ครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่สินค้าทั่วไปอย่างรองเท้าไปจนถึงเครือข่ายวายฟายที่เชื่อมต่อเราเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ
การจัดการกับเรื่องเหล่านั้นด้วยการนำมาตรฐานสากลไปใช้หมายความว่าผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ของตนปลอดภัย
เชื่อถือได้ และมีคุณภาพดี ตัวอย่างเช่น มาตรฐานสากลว่าด้วยความปลอดภัยทางถนน ความปลอดภัยของของเล่น และบรรจุภัณฑ์
ทางการแพทย์ที่ปลอดภัย เป็นต้น
มาตรฐานเหล่านี้เป็นตัวอย่างเพียงส่วนหนึ่งจากมาตรฐานทั้งหมดกว่า 24,000 ฉบับที่ช่วยให้โลกนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นซึ่ง
หน่วยงานกำกับดูแล และองค์กรภาครัฐและองค์กรภาคเอกชนทั่วโลกต่างก็ไว้วางใจในมาตรฐานไอเอสโอที่ช่วยช่วยพัฒนากฎระเบียบ
ที่ดีขึ้น เนื่องจากมีพื้นฐานที่ดีจากการมีส่วนร่วมในการพัฒนาของผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
ประโยชน์ของมาตรฐานสำหรับผู้บริโภคคือ ทำให้ได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ เป็นธรรม คุ้มค่า ปลอดภัย และประหยัด
ค่าใช้จ่าย ส่วนประโยชน์ของมาตรฐานสำหรับผู้ผลิตหรือภาคอุตสาหกรรม คือ ทำให้ได้รับความเชื่อถือ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน ทำให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี กระตุ้นให้เกิดการสร้างนวัตกรรม และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันรวมทั้งส่งเสริม
การค้าระหว่างประเทศ
ที่มา: 1. https://www.iso.org/benefits-of-standards.html
Related posts
Tags: Benefits of standards, Competitiveness, ISO, Quality, Reliability, safety, Standardization, Standards
ความเห็นล่าสุด