มนุษยชาติมีความเกี่ยวพันกับอาหารมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีตัวอย่างหลักฐานจากงานเขียนทางประวัติศาสตร์ในยุคแรกๆ บ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่ปกครองมีความเกี่ยวข้องกับการกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อปกป้องผู้บริโภคจากการปฏิบัติที่ไม่สุจริตในการจำหน่ายอาหารต่าง ๆ
นอกจากนี้ ยังมียาเม็ดของชาวอัสซีเรียนอธิบายวิธีการที่ใช้ในการกำหนดน้ำหนักและมาตราส่วนที่ถูกต้องสำหรับเมล็ดพืชและอาหาร ส่วนคัมภีร์อียิปต์ก็มีการกำหนดให้ใช้ฉลากกับอาหารบางชนิด หรือในกรุงเอเธนส์สมัยโบราณ เบียร์และไวน์ต้องได้รับการตรวจสอบความบริสุทธิ์และความสมบูรณ์ ในขณะที่ชาวโรมันก็มีระบบการควบคุมอาหารของรัฐที่มีการจัดการอย่างดีเพื่อปกป้องผู้บริโภคจากการฉ้อฉลหรือผลิตผลที่ไม่ดี และในยุโรปช่วงยุคกลาง แต่ละประเทศได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภัยของไข่ ไส้กรอก ชีส เบียร์ ไวน์ และขนมปัง เป็นต้น
ความเกี่ยวพันกับอาหารของมนุษย์เริ่มมีวิวัฒนาการมากขึ้นในเวลาต่อมา ซึ่งเริ่มเข้าสู่ยุคที่มีการพัฒนามาตรฐานสากลด้านอาหารอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2446 (ค.ศ.1903) โดยสมาพันธ์ผลิตภัณฑ์นมระหว่างประเทศ (International Dairy Foundation: IDF) ได้พัฒนามาตรฐานสากลสำหรับนมและผลิตภัณฑ์นม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ แก้ไขปัญหาทางเทคนิควิชาการ และทางเศรษฐกิจในสาขานมและผลิตภัณฑ์นมระหว่างประเทศ (ซึ่งถือได้ว่า IDF เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญสำหรับแนวคิดของ Codex Alimentarius Commission ในเวลาต่อมา)
องค์การอนามัยโลกถือกำเนิด
เมื่อปี 2491 (ค.ศ.1948) องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ได้รับการก่อตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบสุขภาพของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการกำหนดมาตรฐานอาหาร และในปีต่อมา ประเทศอาร์เจนตินาเสนอกฎระเบียบอาหารภูมิภาคละตินอเมริกา (Código Latino-americano de Alimentos) อีกหนึ่งปีต่อมา (ปี 2493/ค.ศ.1950) ได้เริ่มมีการประชุมผู้เชี่ยวชาญร่วมของ FAO/WHO ในเรื่องโภชนาการ วัตถุเจือปนอาหาร และสาขาที่เกี่ยวข้อง
เมื่อปี 2504 (ค.ศ.1961) ด้วยการสนับสนุนของ WHO คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งสหประชาชาติสำหรับยุโรป (UNECE) องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และสภาของ Codex Alimentarius Europaeus ก็ทำให้การประชุม FAO มีการตัดสินใจจัดตั้ง Codex Alimentarius Commission และขอการรับรองล่วงหน้าจาก WHO ในโครงการมาตรฐานอาหารร่วมของ FAO/WHO
ในที่สุด ปี 2506 (ค.ศ.1963) สมัชชาอนามัยโลกจึงอนุมัติการจัดตั้งโครงการมาตรฐานอาหารร่วมของ FAO/WHO และรับรองธรรมนูญของ Codex Alimentarius Commission (CAC) เพื่อรับผิดชอบการดำเนินงานของโครงการมาตรฐานดังกล่าว เนื่องจากตระหนักถึงความสำคัญของบทบาทของ WHO ในด้านสุขภาพของอาหารทั้งหมด และภาระหน้าที่ในการกำหนดมาตรฐานอาหารสากล
สำหรับธรรมนูญของ CAC เป็นเอกสารที่ใช้บังคับของ CAC ที่กำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยและคุณภาพของอาหาร โดยมีการกำหนดวัตถุประสงค์ โครงสร้าง และขั้นตอนการดำเนินงาน ธรรมนูญของ CAC ได้รับการรับรองเมื่อปี 2506 และได้รับการแก้ไขหลายครั้งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ธรรมนูญของ CAC เปรียบเสมือนกฎหมายสูงสุดของ CAC ซึ่งการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ จะต้องสอดคล้องกัน
วัตถุประสงค์ของ Codex Alimentarius
มาตรฐาน แนวปฏิบัติ และหลักปฏิบัติด้านอาหารระหว่างประเทศของ Codex Alimentarius มีส่วนช่วยให้เกิดความปลอดภัย คุณภาพ และความเป็นธรรมทางการค้าอาหารระหว่างประเทศนี้ ผู้บริโภคสามารถไว้วางใจในความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์อาหารที่ซื้อและผู้นำเข้าสามารถไว้วางใจได้ว่าอาหารที่สั่งซื้อจะเป็นไปตามข้อกำหนด
ทำไมมาตรฐานอาหารจึงมีชื่อว่า Codex Alimentarius
Codex Alimentarius เป็นภาษาลาติน หมายถึงกฎระเบียบด้านอาหาร (Food Code หรือ Food Law) ดังนั้น จึงมักเรียกมาตรฐานของโครงการมาตรฐานอาหารร่วมของ FAO/WHO ในนามของมาตรฐาน CODEX
มาตรฐาน Codex เป็นมาตรฐานที่องค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) ให้การยอมรับตามความตกลงว่าด้วยอุปสรรคเทคนิคต่อการค้า (Agreement on Technical Barrier to Trade: TBT) และความตกลงว่าด้วยการบังคับมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Agreement on the Application of Sanitary and Phytosanitary Measure: SPS) ซึ่งให้ความสำคัญกับการเข้าร่วมกำหนดมาตรฐานระหว่างประเทศ และแนะนำให้ประเทศต่าง ๆ ใช้มาตรฐานระหว่างประเทศเพื่อกำหนดมาตรการของประเทศของตนเอง และใช้เป็นมาตรการที่จะเป็นข้อตัดสินในกรณีที่เกิดข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศ
มกอช. กับ Codex
หน่วยงานที่มีบทบาทในงาน Codex ของประเทศไทย คือ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการเป็นจุดประสานงาน Codex และพิจารณาร่างมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ โดยประสานความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อหาข้อสรุป เหตุผลในการโต้แย้ง หรือยอมรับมาตรฐานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ
มาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและซับซ้อนอันสะท้อนถึงความสำคัญของมาตรฐานอาหารที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้บริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและความปลอดภัย และนอกจากมาตรฐาน Codex แล้ว ยังมีมาตรฐานสากลด้านอาหารอื่น ๆ ที่พัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค
ที่มา: 1. http://siweb1.dss.go.th/information/FAQ/search_FAQ.asp?QA_ID=105
2. https://www.fao.org/3/y7867e/y7867e03.htm
3. https://www.acfs.go.th/codex/
Related posts
Tags: CAC, Codex, FAO/WHO, IDF, OECD, Quality, safety, standard, Standardization, TBT, UNECE, WTO
Recent Comments