คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของไอเอสโอได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมไผ่ จึงได้พัฒนาและเผยแพร่มาตรฐานสากลเกี่ยวกับไผ่เป็นฉบับแรก คือ ISO 21625: 2020, Vocabulary related to bamboo and bamboo products มาตรฐานฉบับนี้เน้นคำศัพท์และความหมายในอุตสาหกรรมไผ่ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับความเข้าใจและความร่วมมือที่ดียิ่งขึ้น
นับตั้งแต่โทมัส เอดิสันประดิษฐ์หลอดไฟขึ้นมาครั้งแรกในโลกเมื่อ 140 ปีที่ผ่านมา โลกได้ชื่นชมและใช้งานสิ่งประดิษฐ์นี้ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม การศึกษา และอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน ทำให้หลอดไฟมีบทบาทในการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้ และในวันที่ 16 พฤษภาคม ยูเนสโกหรือองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ได้กำหนดให้เป็น “วันสากลแห่งแสง”
ปัจจุบันทั่วโลกไม่เพียงแต่จะประสบปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรเท่านั้น แต่ยังเผชิญหน้ากับภาวะโลกร้อนหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอกาศอีกด้วย ซึ่งสาเหตุสำคัญประการหนึ่งก็มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงของยานยนต์ประเภทต่างๆ ที่มีเป็นจำนวนมากจนกระทั่งก่อให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศ และทางออกที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่ก็คือ ยานยนต์สะอาดนั่นเอง
ปัจจุบันทั่วโลกไม่เพียงแต่จะประสบปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรเท่านั้น แต่ยังเผชิญหน้ากับภาวะโลกร้อนหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอกาศอีกด้วย ซึ่งสาเหตุสำคัญประการหนึ่งก็มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงของยานยนต์ประเภทต่างๆ ที่มีเป็นจำนวนมากจนกระทั่งก่อให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศ และทางออกที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่ก็คือ ยานยนต์สะอาดนั่นเอง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มาตรฐานระบบการจัดการได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นและความต้องการขององค์กรที่ต้องการปรับปรุงสมรรถนะองค์กรในหลายภาคส่วน และองค์กรส่วนใหญ่ก็ใช้มาตรฐานมากกว่าหนึ่งระบบด้วย ดังนั้น ไอเอสโอจึงได้ปรับปรุงคู่มือการใช้มาตรฐานระบบการจัดการแบบบูรณาการซึ่งเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อทุกองค์กรที่มีการนำมาตรฐานสากลไปใช้มากกว่าหนึ่งระบบ
ISO 14067: 2018, Greenhouse gases – Carbon footprint of products – Requirements and guidelines for quantification เป็นมาตรฐานที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงและได้รับการตีพิมพ์เป็นมาตรฐานสากลซึ่งให้หลักการ ข้อกำหนด และแนวทางสำหรับการวัดปริมาณและการรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ ทำให้องค์กรมีวิธีการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์และมีความเข้าใจที่ดีขึ้นสำหรับวิธีการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์
ISO 50001: 2018, Energy management systems – Requirements with guidance for use เป็นมาตรฐานที่ช่วยปรับเปลี่ยนสมรรถนะพลังงานขององค์กรทั่วโลก ซึ่งได้เริ่มต้นประกาศใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2554 (ค.ศ.2011) ทำให้มีเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่ทำให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มาตรฐานนี้ยังช่วยจัดเตรียมกรอบการดำเนินงานในการบิรหารจัดการสมรรถนะของพลังงานและค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และยังช่วยให้บริษัทลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้ตอบสนองเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
จากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญในการประชุมเมืองอัจฉริยะโลก (World Smart City Forum) เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 ที่เมืองบาร์เซโลน่า อันเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมระดับโลกที่มีชื่อว่า Smart City Expo World Congress ระบุว่าการพัฒนาแนวทางการแก้ไขปัญหาของเมืองอัจฉริยะเป็นการให้ความสำคัญกับพลเมือง และการให้คุณค่าที่แท้จริงจะเป็นหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จของเมืองอัจฉริยะในอนาคต
เช่นเดียวกับมาตรฐานสากลอื่นๆ ISO 50001 ไอเอสโอได้ทำการทบทวนเพื่อทำให้มั่นใจว่ามาตรฐานจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในภาคส่วนพลังงาน งานด้านนี้มีการดำเนินงานโดยคณะกรรมการวิชาการไอเอสโอซึ่งรับผิดชอบด้านการจัดการพลังงานแลการประหยัดพลังงาน (ISO/TC 301) ซึ่งมีสถาบันมาตรฐานแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเลขานุการ ซึ่งดำเนินการควบคู่ไปกับสมาชิกของไอเอสโอคือสถาบันมาตรฐานแห่งชาติของประเทศจีน (SAC)
สำหรับมาตรฐาน ISO 50001: 2011 (ประกาศใช้เมื่อ พ.ศ.2554) เป็นมาตรฐานที่ทำให้องค์กรสามารถจัดกับพลังงานโดยมีแนวทางที่รัดกุมในการปรับปรุงสมรรถนะด้านพลังงานอย่างต่อเนื่องรวมทั้งความสามารถในการดำเนินงานอย่างยั่งยืน ซึ่งทำให้สร้างคุณค่าทั้งในเชิงของวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดและปฏิบัติการด้านพลังงานสะอาด ซึ่งมีองค์กรเกือบ 12,000 องค์กรทั่วโลกที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานนี้นับถึงปลายปี 2558 และมีสถิติสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้านั้นถึง 77%
RSS FEED
Twitter
Facebook
LinkedIn
Youtube
Recent Comments